ขนมไทย 60 สูตรเก็บไว้ในคลังทำกินได้ ทำขายรวย
ขนมไทย สูตรขนมโบราณยังได้รับความนิยมทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีต่างๆ งานมงคล หรือโอกาสต่างๆไว้เลี้ยงงานบุญ รวมถึงต้อนรับแขกให้ประทับใจ เอกลักษณ์ของขนมไทย ผ่านการรังสรรค์ ผ่านเวลามานับร้อยๆปี
แต่ละชนิด มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีที่ประณีตบรรจง วันนี้รสรินทร์ จะพามาทำขนมไทยถึง 60 สูตรเซฟเก็บไว้ได้เลยนะคะ สูตรขนมไทยคัดเน้นๆ รับรองทำกินได้ ทำขายรวย ไปทำกันเลยค่ะ
1. กล้วยบวชชี banana in coconut milk
กล้วยบวชชี banana in coconut milk อันดับแรกของรายการ สูตรขนมไทยรสกลมกล่อม ทำง่ายอร่อยมาก รสหวานน้อยๆ หอมกะทิ รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ รสรินทร์รับประกันความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะ ให้เลือกเลือกกล้วยน้ำหว้าสุกพอประมาณ ไม่สุกจนเกินไปถ้าสุกเกินไปเวลาต้มจะทำให้กล้วยเละ แต่ถ้าดิบเกินไปจะทำให้ฝาด แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำกล้วยบวชชี |
| วิธีทำกล้วยบวชชีไม่ให้ฝาด และไม่เละ คือการเลือกกล้วยควรจะเลือก กล้วยน้ำว้าที่หวีห่าม ๆ ที่มีสีเหลืองเจือเขียวเล็กน้อย |
| ให้ทำการปอกเปลือก ผ่าเป็น 4 ชิ้น นำไปต้มในน้ำเดือดจัดๆ ใส่เกลือเล็กน้อย ราวๆ 7 นาที เพื่อให้ยางกล้วยออกก็จะทำให้กล้วยไม่ฝาดได้อีกด้วย |
| สำหรับหลายคนที่อาจจะกลัวว่ากล้วยจะมีรสเปรี้ยว ก็มีวิธีทำกล้วยบวชชีไม่ให้เปรี้ยวได้โดยการนำกล้วยทั้งเปลือกมาต้มกับน้ำเดือด |
| ใส่เกลือนิดหน่อยใช้เวลาประมาณ 7 นาที จากนั้นนำมาพักไว้ให้เย็น ก่อนปอกเปลือกจากนั้นผ่าเป็น 4 ชิ้น เท่านี้กล้วยบวชีก็จะไม่มีรสเปรี้ยวจากนั้น |
| นำกะทิใส่หม้อ ใส่น้ำตาล เกลือป่น ผสมให้น้ำตาลละลายโดยที่ยังไม่ตั้งไฟเพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน หากไม่สามารถซื้อกะทิสดได้ ก็ปรับเปลี่ยนเป็นวิธีทำกล้วยบวชชี กะทิกล่อง ได้เช่นกันรสชาติก็จะมียังคงหอมมันไม่แพ้กัน |
| เมื่อกะทิน้ำตาลละลายดีแล้ว ให้นำขึ้นตั้งไฟ ใส่กล้วยต้มลงไป ต้มต่อประมาณ 10 นาที เพื่อให้กะทิซึมเข้าในเนื้อกล้วย จากนั้นตักเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
2. ขนมกล้วย Steamed Banana Cake
ขนมกล้วย Steamed Banana Cake แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 2 กับสูตรขนมไทยคัดเน้นๆ เนื้อนุ่ม หนึบหนับ หวานมันกำลังดี อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน ส่วนผสมหลักเรียบง่าย มีกล้วยน้ำว้าสุกงอม แป้งข้าวเจ้า และน้ำตาลทราย นำมาคลุกเคล้าและนวดให้เข้ากัน เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก เป็นขนมไทยโบราณอีกอย่างหนึ่งที่ทำง่ายๆวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ไม่มีต้องมากมายก็สามารถทำรับประทานเองได้เริ่มจากกล้วยที่เหลือจากรับประทานไม่หมด สุกงอมบางคนนั้นไม่ชอบกล้วยที่สุกงอมเกินไปจึงจับมาแปรรูปให้เป็นขนมขนมกล้วยนึ่งโรยหน้าด้วยมะพร้าว ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ
| วิธีทำขนมกล้วย |
| ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งท้าวยายม่อมลงในอ่างผสม ค่อยๆใส่กะทิลงไป 200 กรัม นวดกับแป้งจนแป้งเหนียวจับตัวเป็นก้อน ไม่ติดภาชนะ ถ้าแป้งยังไม่เหนียว ค่อยๆเติมกะทิลงไปอีก |
| นำกะทิที่เหลือทั้งหมด ใส่น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย และเกลือแกงลงผสมให้น้ำตาลละลายไม่เป็นเม็ด แล้วเทผสมกับแป้งให้เข้ากันดีดี ถึงตรงนี้เนื้อแป้งจะเหลวค่ะ |
| ใส่กล้วยน้ำว้าสุกงอมมากๆที่บดหยาบๆลงไปผสมให้เข้ากันดี อย่าลืมเหลือเนื้อกล้วยเป็นชิ้นเล็กๆไว้วางบนหน้าขนมบ้างนะคะ |
| ใส่มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้นผสมให้เข้ากัน ตั้งพักไว้ 15 นาที |
| ตักเนื้อขนมใส่ถ้วยตะไล หรือ ถาดทาน้ำมัน โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกขูดเส้น |
| ใส่น้ำลงในลังถึงให้ได้ 3/4 ของหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟแรง พอน้ำเดือด นำขนมขึ้นนึ่งนานราวๆ 18-20 นาที จนสุก เวลาขนมสุกจะมีเนื้อขนมสุกใสค่ะ |
| ตั้งไว้ให้อุ่นถึงเย็น ใช้ปลายช้อนกาแฟค่อยๆแคะจากขอบ วนๆไป จะได้ขอบขนมคม สวย ไม่ยู่ยี่ จึงลงจานหรือบรรจุกล่อง ทานให้อร่อยนะคะ |
3. ขนมขี้หนู Steamed Rice Flour
ขนมขี้หนู Steamed Rice Flour อันดับที่ 3 อร่อยกับขนมหวานทำจากแป้ง เนื้อร่วนซุย หลากสีสัน รับประทานคู่กับมะพร้าวขูดเป็นเส้นๆ รับรองใครมาชิมต้องติดใจ ทำจากแป้งข้าวเจ้านึ่งสุก แช่ในน้ำเชื่อมสีอ่อน วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ขนมขี้หนู มีอีกชื่อว่าขนมทราย หรือ ขนมละอองฟ้า แต่นี้ก็คือชื่อเรียกขนมไทย ที่มีลักษณะเป็นแป้งป่นๆ มีหลายสี ที่ทุกคนเคยเห็นกันตามร้านขายขนมไทย ส่วนเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยรู้จัก เพราะขนมชนิดนี้หาทานได้ยากแล้ว แค่นึกถึงเมนูนี้ น้ำลายก็ไหลแล้ว
| วิธีทำขนมขี้หนู |
| – ขั้นตอนทำน้ำเชื่อม |
| นำแป้งข้าวเจ้าไปอบกับควันเมียบอบขนม อย่างน้อย 30 นาที หรือให้ดีควรข้ามคืน |
| ทำน้ำเชื่อมโดยการใส่น้ำลอยดอกมะลิ และน้ำตาลาลทรายลงในกระทะ ใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง ค่อยๆคนทำน้ำเชื่อม พอเดือดไม่ต้องข้นเหนียว |
| เมื่อได้น้ำเชื่อม แบ่งน้ำเชื่อมเท่าๆกันตามจำนวนสี ในที่นี้แบ่งสอง |
| ชามแรกใส่น้ำใบเตยเพื่อให้ได้สีเขียว ชามที่สองใส่สีชมพู 4-5 หยดเพื่อให้ได้สีชมพูเรื่อๆสวยงาม |
| – วิธีทำแป้งขนมขี้หนู |
| ผสมแป้งโดยการเทหัวกะทิ ลงไปในแป้งทีละนิด คลุกเคล้าให้เข้ากัน นวดจนได้แป้งที่มีลักษณะร่วนๆ ไม่จับเป็นก้อน |
| นำผ้าขาวบางบิดน้ำหมาดๆ วางในรังถึง เอาตะแกรงร่อนแป้งใส่ในรังถึง ทำจนแป้งหมด |
| แล้วนำผ้าขาวบางมาปิด และนำไปนึ่งให้สุก ใช้ไฟกลางค่อนแรงประมาณ 25 นาที |
| – วิธีคลุกแป้ง |
| แป้งแป้งเป็น 2 ส่วนเพื่อนำไปใส่ในน้ำเชื่อมที่จัดเตรียมไว้ ควรใส่แป้งในขณะร้อนๆอยู่ |
| คลุกเคล้าแป้งให้เข้ากัน แรปด้วยฟิล์มพลาสติก พักไว้ 20 นาที |
| พอครบเวลาแล้วใช้ส้อมตะกุยให้แป้งขึ้นฟู พร้อมเสิร์ฟคู่มัพร้าวทึนทึกขูดเส้น ทานให้อร่อยนะคะ |
4. ขนมไข่สูตรโบราณ egg cupcake
ขนมไข่สูตรโบราณ egg cupcake คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปเนื้อสัมผัสจะกรอบนอกนุ่มใน เหมาะกับเป็นของว่างน้ำชายามบ่าย อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ ปกติจะมีเนื้อสัมผัสฟูนุ่ม แต่สูตรนี้จะเป็นสูตรโบราณต่างออกไป ขอบอกว่าอบออกมาแล้วกลิ่นหอมหวานตลบอบอวลลอยออกมาก่อนเลยค่ะ ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำขนมไข่สูตรโบราณ |
| ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูและผงวานิลลาเข้าด้วยกัน |
| ตีไข่เป็ดและไข่ไก่เข้าด้วยกัน ผสมเข้ากับน้ำตาลทรายและน้ำตาลปีบ |
| ตีไข่และน้ำตาลด้วยหัวตีรูปตะกร้อจนกระทั่งส่วนผสมขึ้นฟูดี |
| ค่อยๆเติมน้ำผสมให้เข้ากันดี |
| ใส่แป้งที่เตรียมร่อนไว้ลงไป ผสมให้เข้ากันดี |
| ตักใส่พิมพ์ที่ทาเนยขาว หรือถ้วยอลูมิเนียมตามชอบ |
| นำเข้าอบที่ไฟ 200 องศาเซลเซียสจนกระทั่งเป็นสุก |
| นำขนมออกจากพิมพ์ทันที หลังจากนำขนมออกจากเตาอบ ทานให้อร่อยนะคะ |
5. ขนมครกยกถาด Coconut rice pancake
ขนมครกยกถาด Coconut rice pancake ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอรสชาติหวานมัน หน้ากะทิเยิ้ม ๆ เครื่องแน่น ๆ ที่หาไม่ได้จากร้านไหน ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ กรอบนอกนุ่มใน เย็นแล้วแป้งก็ยังนุ่ม ไม่แข็ง ข้ามวันก็ยังอร่อยอยู่ค่ะ ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก ความอร่อยม๊ากมาก กอไก่ล้านตัว มีหลักฐานว่าขนมครกเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการทำเตาขนมครกขายตั้งแต่ยุคนั้น ขนมครกแต่เดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำ โม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำขนมครกยกถาด |
| -ผสมตัวแป้ง |
| เริ่มจากน้ำเปล่า น้ำปูนใส กะทิ เกลือ น้ำตาลทรายแดง คนให้น้ำตาลละลายก่อน แล้วใส่แป้งข้าวเจ้า กับแป้งสาลี จากนั้นคนให้แป้งละลายดี |
| -หัวกะทิ |
| ผสมกะทิ น้ำตาล เกลือ แป้งข้าวเจ้า และน้ำเปล่า ผสมให้ส่วนผสมละลาย |
| วอร์มกระทะก่อนประมาณ 15 นาที โดยใช้ไฟปานกลาง-อ่อน ทาน้ำมันได้เลยนะคะไม่ต้องรอกระทะร้อน วอร์มให้กระทะชุ่มมๆ..อิ่มน้ำมันเลยนะคะ ไม่งั้นทอดจากนั้นจะติดค่ะ |
| จากนั้นให้เบาไฟลง สำคัญมากเลยต้องใช้ไฟอ่อนทอดนะคะ ไม่งั้นจะไหม้ก่อนแล้วไม่กรอบด้วยค่ะ |
| ปัดเตาทาน้ำมันทุกครั้งก่อนทอด จากนั้นเทตัวแป้งได้เลยค่ะ เสร็จจากนั้นเขย่าๆ หมุนๆ ให้แป้งออกมาทั่วๆกระทะเลยนะคะ |
| จากนั้นตามด้วยหน้ากะทิทันทีเลยค่ะ เทก่อนที่แป้งในกระทะจะเซ็ตตัวนะคะ |
| เสร็จแล้วโรยหน้าตามชอบเลยค่ะ |
| ปิดฝารอราว 10-15 นาที เปิดดูได้นะคะ ถ้าเริ่มเหลืองนิดๆให้หมุนเตาด้วยค่ะ จะได้สุกเหลืองทั่วๆ |
| จากกนั้นใช้ช้อนหรือตะแกรงแบนๆ ยกออกได้เลยค่ะ |
| ตัดเป็นชิ้นๆ รับประทานร้อนๆกรอบนอก นุ่มในมากเลยค่ะ |
|
| ทานให้อร่อยนะคะ |
6. ขนมจ่ามงกุฏ Kanom Jamongkut
ขนมจ่ามงกุฏ Kanom Jamongkut แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 6เป็นขนมที่ต้องใช้ความใจเย็น ละเอียดอ่อน แต่ตัวขนม เมื่อทำออกมาแล้ว สวยงามน่ารับประทานมาก อร่อยเด็ด รสชาติไม่เป็นสองรองใคร ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก ความอร่อยระดับมิชิลินสตาร์ แต่ความยากระดับบ้านๆ ขนมไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากและยังเป็นขนมในราชสำนักในสมัยโบราณ ขนมไทยมงคลติดยศที่คนไทยนิยมนำมาประกอบพิธีทางศาสนา พิธีมลคล อาทิ งานแต่งงาน งานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำขนมจ่ามงกุฏ |
| – วิธีทำแป้งสำหรับรองขนม |
| นวดแป้งสาลี ไข่แดง และน้ำเปล่าพอแป้งนุ่มมือ พักไว้ |
| คลึงแป้งจนเป็นแผ่นบางๆ ตัดแป้งเป็นแผ่นกลม ใส่ลงในถ้วยตะไลใช้ไม้จิ้มให้ทั่ว |
| นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ราวๆ 20 นาที หรืออบจนแป้งเหลือง นำแป้งออกจากถ้วย พักไว้ |
| – วิธีทำเมล็ดแตงโม |
| นำกระทะทองตั้งไฟอ่อน ใส่เมล็ดแตงโมราวๆ 30 เม็ด |
| ใช้มือแตะน้ำเชื่อม จากนั้นพรมไปที่เมล็ดแตงโม กวาดให้น้ำเชื่อมกับเมล็ดแตงโมเข้ากัน |
| ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำตาลจะเกาะที่เมล็ดแตงโมเป็นตะปุ่มตะป่ำหรือเรียกว่าเป็น หนาม กวาดต่อไว้ให้แห้ง แล้วพักไว้ |
| – วิธีทำขนมทองเอก |
| ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน โดยผสมทีละน้อยไม่ให้เป็นเม็ด |
| นำไปกวนไฟอ่อนที่สุด จนขนมไม่ติดมือ |
| นำส่วนผสมต่างๆ ไปแต่งตัว แล้วปิดด้วยทองคำเปลว ทานให้อร่อยนะคะ |
7. ขนมชั้นชาไทย Thai Tea Layered Sweet cake
ขนมชั้นชาไทย Thai Tea Layered Sweet cake อันดับที่ 7 อร่อยกับแป้งขนมชั้นนู๊มนุ่ม แตกต่างด้วยกลื่นชาไทย หอมกลิ่นชาไทย หวานมันกำลังดี อร่อยมากๆ อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ รสรินทร์รับประกันความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะ เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้
| วิธีทำขนมชั้นชาไทย |
| – วิธีการชงน้ำชาไทย |
| นำชาผงมาผสมกับน้ำร้อน จากนั้นแช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที จากนั้นกรองผงชาออกด้วยผ้าขาวบาง |
| – ขนมชั้นชาไทย |
| ทำน้ำชาไทยเตรียมไว้ |
| ตั้งหม้อ ใส่หัวกะทิลงไปทั้งหมด ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือป่น แล้วเปิดแก๊สใช้ไฟกลาง จากนั้นผสมให้เกลือและน้ำตาลละลาย |
| พอน้ำกะทิเริ่มร้อนให้ปิดแก๊ส หลังจากนั้นยกส่วนผสมลง |
| ผสมแป้งทั้ง 3 อย่างเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นเทกะทิที่ต้มไว้ลงไปทั้งร้อนๆ หลังจากนั้นคนให้ส่วนผสมเข้ากัน นำแป้งมากรอง 1 รอบเพื่อให้แป้งเนียน |
| แบ่งแป้งออกเป็น 2 ชามเท่าๆ กัน ชามนึงใส่น้ำชาที่ผสมไว้ลงไป อีกชามหยดกลิ่นมะลิ |
| ตั้งน้ำให้เดือดพล่าน ต่อจากนั้นนำพิมพ์ไปนึ่ง 5 นาที ต่อจากนั้นปรับไฟให้เหลือไปเบา หยอดแป้งลงในพิมพ์ชั้นแรก ต่อจากนั้นปิดฝาเปิดไฟแรง ใช้เวลา 3 นาที |
| เมื่อครบเวลา เปิดฝาซึ่งเร็วๆ จากนั้นลดไฟลงและเริ่มหยอดแป้งชั้นต่อมา จากนั้นปิดฝาเปิดไฟแรง ใช้เวลา 4 นาที ทำวนไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นสุดท้าย |
| ชั้นสุดท้ายจะใช้เวลานึ่งราวๆ 10 – 15 นาที วิธีเช็คแป้งสุกคือตัวแป้งจะใส |
| เมื่อขนมชั้นสุกดีให้นำออกมาจากซึ้ง มาพักไว้ให้เย็นสนิท ก่อนแกะออกมาจากพิมพ์ ทานให้อร่อยนะคะ |
8. ขนมชั้นอัญชัน Layered Sweet Cake
ขนมชั้นอัญชัน Layered Sweet Cake อันดับที่ 8 อร่อยกับเหนียว นุ่ม อร่อย หวานมัน ทิ้งไว้ข้ามคืนก็ยังนู๊มนุ่ม ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก เป็นขนมไทยมงคลโบราณ ด้วยชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกถึงการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงาน การทำขนมชั้น จะทำจำนวนชั้นของเนื้อขนมตามเลขมงคล เช่น๕ (เบญจ) ๗ (สัตต)๙ (นว) ตามลำดับ เป็นต้น เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้
| วิธีทำขนมชั้นอัญชัน |
| ต้มน้ำดอกอัญชันราว 10 นาที กรองเอากากออก พักไว้ให้เย็น |
| ใส่น้ำลงในหม้อเปิดไฟกลาง เติมน้ำตาลที่เตรียมไว้ลงไป เคี่ยวจนน้ำตาลละลายพักไว้ให้เย็น |
| ในอ่างผสม ผสมแป้งมัน แป้งข้าวโพด แป้งท้าวยามม่อม และแป้งข้าวเจ้า เกลือ ผสมให้เข้ากันดีดี |
| นำน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วผสมกับกะทิ แล้วค่อยๆทยอยหยอดลงในแป้ง และนวดให้เข้ากัน จนแป้งละลายดี |
| กรองส่วนผสมแป้งให้ไม่มีเม็ดหยาบ แบ่งเป็น 2 ชามเท่าๆกัน |
| ในอีกชามเติมน้ำดอกอัญชันที่เตรียมไว่ ผสมให้เข้ากันดี |
| ต้มน้ำให้เดือดพล่าน เอาลังถึงไปนึ่งให้ร้อนราว 5 นาที |
| หยอดขนมชั้นทีละชั้น โดยสลับกันระหว่างสีขาว และสีน้ำเงิน แต่ละชั้นใช้เวลานึ่ง 10 นาที |
| ทำสลับกันไปเรื่อยๆ จนครบชั้นสาเหตุที่การ หรือจนแป้งหมด |
| พักไว้ให้เย็น ตัดออกเป็นชิ้นพอดีคำ หรือแกะออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟจากนั้นค่ะ |
|
|
|
| ทานให้อร่อยนะคะ |
9. ขนมดอกจอก Crispy Lotus Blossom Cookie
ขนมดอกจอก Crispy Lotus Blossom Cookie ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอกรุบ กรอบ หอมหวานมันอร่อย ทั้งกะทิและงา ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ ขนมสีเหลืองนวลอมน้ำตาล แทรกงาดำอยู่ประปราย ดอกจอกเป็นขนมโบราณที่อยู่คู่เมืองไทยมานาน เพื่อนๆสามารถ ทำตามได้ง่ายๆเลยค่ะ ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย เป็นขนมที่มีรูปลักษณ์ที่สวยจึงคิดไปต่างๆ นานาว่าทำยาก แต่แท้ที่จริงแล้วเราแค่มีแม่พิมพ์รูปดอกจอกก็สามารถทำได้แล้ว แค่นึกถึงเมนูนี้ น้ำลายก็ไหลแล้ว
| วิธีทำขนมดอกจอก |
| ผสมแป้งโดยใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย น้ำปูนใส และหัวกะทิ คนจนกว่าจะเข้ากัน แล้วใส่ไข่ลงไปตีให้เข้ากันอีกครั้ง |
| ผสมงาขาวและงาดำลงไป ผสมให้ทั่ว |
| ตั้งกระทะเทน้ำมันให้ท่วม รอให้ร้อน นำแม่พิมพ์สำหรับทำขนมดอกจอกลงไปแช่ในน้ำมันให้แม่พิมพ์มีความร้อน |
| นำแม่พิมพ์ลงไปจุ่มกับแป้งหลังจากนั้นนำไปทอด เมื่อขนมเริ่มเซ็ตตัวหลังจากนั้นแกะแม่พิมพ์ออก ทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน |
| นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน จัดเรียงใส่จานหรือกล่องพลาสติกก็ได้ค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
10. ขนมถ้วยใบเตย Thai Coconut Milk Custard
ขนมถ้วยใบเตย Thai Coconut Milk Custard อันดับที่ 10 อร่อยกับกะทิ ใบเตยหอมๆ กรุบกรอบด้วยมะพร้าวอ่อน รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย ขนมนี้บางท่านเรียกขนมถ้วยตะไล เป็นขนมโบราณที่มีรสชาติอร่อย ด้านบนเป็นหน้ากะทิรสเค็มมันเล็กน้อย ด้านล่างหอม นุ่มนวลด้วยรสใบเตยแท้ๆ สูตรนี้พิเศษเพิ่มมะพร้าวอ่อนด้วยนะคะ ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำขนมถ้วยใบเตย |
| – ขั้นตอนการทำตัวแป้ง |
| ผสมแป้งข้าวเจ้า และแป้งเท้ายายม่อมลงในอ่างผสม |
| ใส่กะทิให้พอนอวดแป้งได้ นวดประมาณ 10 นาที |
| ใส่น้ำตาลปี๊บ นวดต่อจนน้ำตาลละล่าย ใส่กะทิที่เหลือ ใส่น้ำใบเตยคนให้ทั่ว กรองเตรียมไว้ |
| – ขั้นตอนการทำหน้ากะทิ |
| ผสมหัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือป่น ผสมให้เข้ากันเป็นหน้าขนม |
| – การนึ่งขนมถ้วย |
| ใสาน้ำสะอากลงในลังถึง ตั้งไฟให้น้ำเดิอดจัดๆ นึ่งถ้วยตะไลให้ร้อน |
| หยอดตัวแป้งใส่ในถ้วยตะไล 1/2 ถ้วยนึ่งราวๆ 15 นาที |
| เปิดฝาออกหยอดมะพร้าวอ่อนลงในขนม แล้วหยอดหน้ากะทิให้เต็มถ้วย |
| นึ่งต่ออีก 15 นาทียกลงพักไว้ให้เย็น แคะออกจากถ้วยพร้อมเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
11. ขนมถ้วยฟู Thai Rice Flour Muffin
ขนมถ้วยฟู Thai Rice Flour Muffin คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปหวานหอม เหนียวนุ่มอร่อยลงตัว อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก หนึ่งในขนมไทยโบราณและเป็นขนมที่จัดอยู่ในขนมมงคล ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ ความอร่อยระดับมิชิลินสตาร์ แต่ความยากระดับบ้านๆ สูตรนี้ทีเด็ดจะใส่ข้าวสวยเพื่อความเหนียวนุ่ม เพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำขนมถ้วยฟู |
| ใส่ข้าวสุกลงในเครื่องปั่น เติมน้ำนิดหน่อย ปั่นจนละเอียด พักไว้ |
| ผสมน้ำเปล่ากับกลิ่นมะลิ จัดเตรียมไว้ หรือใช้น้ำลอยดอกมะลิก็ได้ |
| ใส่แป้งลงในชามผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย ผงฟู และยีสต์ ใส่ข้าวที่ปั่นแล้วลงไป นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ระหว่างนวดก็ค่อย ๆ ทยอยเติมน้ำลงไปจนหมด |
| แบ่งส่วนผสมแป้งใส่สีผสมอาหารตามชอบ คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ราว 2-3 ชั่วโมงหรือจนขึ้นฟู พอพักจนครบเวลาแล้วค่อยคนส่วนผสมแป้งให้เข้ากันดี |
| ตั้งน้ำในลังถึง ตั้งไฟรอไว้ วางเรียงถ้วยตะไล หยอดแป้งลงไปในถ้วย เสร็จแล้ว พอน้ำเดือดนำไปนึ่งด้วยไฟแรงราวๆ 20 นาที พอสุกนำออกมาวางพักจนเย็นแล้วค่อยนำออกมาจากพิมพ์ ทานให้อร่อยนะคะ |
12. ขนมถังแตก Thai Style Coconut Pancake
ขนมถังแตก Thai Style Coconut Pancake คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปแป้งหวานมัน รับประทานคู่กับมะพร้าวแน่นๆ หรือฝอยทอง หวานหอมละมุน หรือจะผสมกันก็ยังได้ อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ ทำเงิน ทำกินก็ได้ ทำขายตามตลาดนัดสร้างรายได้เสริม ก็เวิร์คมากๆเลยค่ะ แอดริน รับประกันสูตรและความอร่อยลงตัว เรามักจะพบเห็นพ่อค้าแม่ขายขนมชนิดนี้ตามงานวัดหรือตามเทศกาลต่างๆ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น แป้งที่นุ่มหอม ความหวานของน้ำตาลทราย ความมันของมะพร้าวและงา แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำขนมถังแตก |
| ใส่ส่วนผสมยีสต์ทั้งหมดลงในภาชนะ คนให้เข้ากันดี ปิดฝา พักไว้ประมาณ 10 นาที หรือมีฟองขึ้นปุด ๆ |
| ร่อนแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลี ใส่ลงในภาชนะ เติมน้ำตาลทราย เกลือป่น คนจนกว่าจะเข้ากันดี |
| ใส่กะทิและน้ำเปล่า ผสมจนกระทั่งเนื้อเดียวกัน ใส่ส่วนผสมยีสต์ผสมให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 15 ชั่วโมง สังเกตมีฟองขึ้นมาและมีกลิ่นเปรี้ยวนิดหน่อย |
| นำกระทะขนมถังแตกตั้งไฟ ทาน้ำมันพืชแค่พอเคลือบกระทะ พอร้อนตักแป้งใส่ โรยงาดำ งาขาว ปิดฝาอบพอแป้งสุก |
| เปิดฝา โรยน้ำตาลทราย มะพร้าวทึนทึกขูด แซะออกมาจากเตา จัดเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
13. ขนมถั่วแปบ mung bean rice crepe
ขนมถั่วแปบ mung bean rice crepe รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำแป้งนุ่ม ๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำตาลผสมงาคั่วหอม ๆ รับรองใครมาชิมต้องติดใจ ตัวแป้งเหนียวนุ่ม ห่อกับถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกนึ่ง โรยน้ำตาลก่อนกิน วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ แล้วแต่ที่จินตนาการจะรังสรร นำส่วนผสมอะไรมาผสมกับแป้งข้าวเหนียว คลุกกับน้ำตาลทราย มะพร้าว งา เป็นขนมหวานของไทยที่มีรสชาติไม่หวานมาก ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำขนมถั่วแปบ |
| นำถั่วเขียวเราะเปลือกมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง |
| หลังจากครบเวลาให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้นใช้กระชอนกรอง นำไปนึ่งราว 40 นาที หรือจนกว่าจะสุก |
| เมื่อสุกจากนั้นให้ตักถั่วแบ่งเป็น 2 จาน จานแรกใส่เพียงแค่ถั่วที่นึ่งสุกจากนั้น ส่วนจานที่สองให้ผสมมะพร้าวขูดขาวและเกลือลงไปนิดหน่อยตามชอบจากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน หลังหลังจากนั้นพักไว้ |
| ตั้งน้ำใส่หม้อรอไว้ให้น้ำเดือดเพื่อให้ใช้สำหรับต้มแป้ง ระหว่างรอให้น้ำเดือดให้ผสมแป้งและน้ำเปล่านวดให้เนียน |
| หลังแล้วปั้นแป้งเป็นก้อนกลม และกดให้แบน ดูขนาดให้พอดี ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป และนำลงต้มในน้ำเดือดจัดๆ |
| สังเกตถ้าแป้งสุกจากนั้นจะลอยขึ้นให้ตักใส่พักไว้ในถ้วยน้ำอุณหภูมิห้อง |
| จากนั้นให้ตักแป้งวางบนถั่วจานที่ไม่ได้ใส่มะพร้าวเพื่อให้ถั่วเคลือบชั้นนอก และตักถั่วจานที่ผสมมะพร้าวใส่ลงไปเป็นไส้ จากนั้นบีบขอบแป้งให้ติดกัน ต่อจากนั้นนำลงไปคลุกบนจานถั่วที่ไม่ผสมมะพร้าวอีกครั้ง จัดใส่ภาชนะ |
| ทำน้ำตาลงาโรยหน้าเริ่มจากใส่งาขาวและงาดำลงกระทะ คั่วด้วยไฟอ่อนจนงาเหลืองหอม หลังแล้วนำไปตำพอหยาบ ๆ ผสมกับน้ำตาลทรายและเกลือ คนจนเข้ากันดี |
| พร้อมเสิร์ฟกินคู่กับถั่วแปบ ทานให้อร่อยนะคะ |
14. ขนมถั่วแปบ mung bean rice crepe
ขนมถั่วแปบ mung bean rice crepe ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูขนมสีสวยที่ปัจจุบันดัดแปลงให้มีสีมากขึ้น จะมีสีฟ้า สีชมพู สีเหลือง ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ ตัวแป้งเหนียวนุ่ม ห่อกับถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกนึ่ง โรยน้ำตาลก่อนกิน ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก แล้วแต่ที่จินตนาการจะรังสรร นำส่วนผสมอะไรมาผสมกับแป้งข้าวเหนียว คลุกกับน้ำตาลทราย มะพร้าว งา เป็นขนมหวานของไทยที่มีรสชาติไม่หวานมาก นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำขนมถั่วแปบ |
| เอาถั่วเขียวที่เลาะเปือกต่อจากนั้นล้างให้สะอาด และแช่น้ำไว้สักครึ่งชั่วโมง |
| ระหว่างแช่ถั่ว เราก็มาขูดมะพร้าว ใช้มือแมวขูด ขูดเบาๆมือ อย่ากดแรง เดี๋ยวมะพร้าวจะกระด้าง แข็ง และจะไม่อร่อย |
| ต่อจากนั้น นำถั่วใส่ลังถึงนึ่ง นึ่งให้สุก พอสุกจากนั้นยกลง ปล่อยไว้ให้เย็น |
| ระหว่างรอถั่วเย็น เราเอามะพร้าวที่เราขูดจากนั้น เอาไปใส่ลังถึงนึ่ง รองด้วยผ้าขาวบาง ใส่มะพร้าว และโรยเกลือลงไปด้วย อย่าใส่เยอะเดี๋ยวเค็ม คลุกเคล้าให้ทั่ว นึ่งทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาที |
| ระหว่างรอมะพร้าวนึ่ง ก็มานวดแป้งเพื่อทำตัวขนม โดยเราจะใช้แป้งข้าวเหนียว เติมน้ำทีละน้อย |
| ถ้าต้องการสีเขียว ก็เอาใบเตยล้างให้สะอาด แล้วนำมาปั่น |
| ถ้าต้องการสีฟ้า ก็เอาดอกอัญชันแช่น้ำ |
| ถ้าต้องการสีแดง ใช้น้ำหวานสีแดงผสม |
| ถ้าต้องการสีม่วง ก็เอาดอกอัญชันแช่น้ำ และบีบมะนาวลงไป น้ำจะกลายเป็นสีม่วง |
| ถ้าต้องการสีเหลือง ก็เอาฟักทองต้มให้สุกเพื่อแกะเอาเนื้อฟักทอง |
| อยากได้แป้งสีไหน ก็ทำตามนั้น และนำเอาน้ำมานวดกับแป้ง ก็จะได้แป้งสีตามใจชอบ เราจะไม่ใช้สีผสมอาหาร |
| วิธีการนวดแป้ง อย่าให้แป้งเหลว เอาให้พอดี นุ่มๆมือ หลังแล้วเราเอามะพร้าวที่นึ่งมาผึ่งลมให้เย็น พอเย็นแล้วเราเอามาคลุกผสมกับถั่วเหลืองที่นึ่งไว้ |
| นำใส่ถาดแผ่ๆออก เอาน้ำใส่หม้อ ต้มให้เดือด พอน้ำเดือดจากนั้นหรี่ไฟอ่อน ปั้นแป้งที่นวดไว้แผ่เป็นแบนๆ ต้มลงไปในหม้อ รอให้ตัวแป้งลอยขึ้นมา เอาตะแกรงช้อนแป้งขึ้น ผึ่ง รอให้น้ำสะเด็ด |
| น้ำสะเด็ดหลังจากนั้น ก็เอาไปใส่ถาดที่มีถั่วกับมะพร้าว หลังจากนั้นเราก็เอาถั่วเหลืองใส่ตัวแป้งห่อเป็นรูปคล้ายกะหรี่ปั้บ ห่อเสร็จก็คลุกกับถั่วมะพร้าวในถาด |
| เสร็จหลังจากนั้นจัดเรียงใส่จาน เวลาเราจะทานก็เอาน้ำตาลคลุกกับงาโรยหน้า งาต้องเอาไปคั่วให้เหลือง หลังจากนั้นก็ใส่ครกตำพอแตก อย่าให้ละเอียดมาก เพราะเวลาทานจะได้มีความหอมของงา ทานให้อร่อยนะคะ |
15. ขนมทองเอก Sweet Golden Cake
ขนมทองเอก Sweet Golden Cake ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอขนมไทยโบราณ ด้านบนของขนมจะประดับด้วยทองคำเปลวบริสุทธิ์ ใช้ส่วนประกอบเพียง แป้ง ไข่แดง น้ำตาล และกะทิ ขึ้นรูปด้วยพิมพ์ทองเอกสวยงาม รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ แอดรินรับประกันความอร่อยค่ะ รับรองอร่อยสุดๆ เป็นขนมที่ความหมายแสดงความเป็นหนึ่งและเป็นที่สุด มักให้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีแก่ผู้รับ เพื่ออวยพรให้เป็นที่หนึ่งในด้านต่าง ๆ ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ
| วิธีทำขนมทองเอก |
| ร่อนแป้งทั้งสองชนิดลงในภาชนะ ใส่น้ำตาลทราย ไข่แดง สีผสมอาหาร ผสมให้เข้ากัน |
| ใส่หัวกะทิ คนจนกว่าจะเข้ากัน จากนั้นกรองด้วยกระชอน ใส่ในกระทะยกขึ้นตั้งไฟอ่อน |
| กวนจนแป้งรวมตัวเป็นก้อนและเนียนใส ยกลงคลุมด้วยผ้าขาวบางจนส่วนผสมอุ่นพอปั้นได้ ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมอัดใส่พิมพ์ให้แน่น แล้วเคาะออก แล้วติดทองคำเปลว 100% สามารถติดทองคำเปลวลงบนขนมก่อนอัดใส่พิมพ์เพื่อให้ทองคำติดแน่นกับชิ้นขนมก็ได้ค่ะ จากนั้นนำไปอบควันเทียนให้หอม |
| ย้ำว่าต้องเป็นทองคำเปลว 100% นะคะถึงจะทานได้ ทานให้อร่อยนะคะ |
16. ขนมน้ำดอกไม้ Kanom namdokmai
ขนมน้ำดอกไม้ Kanom namdokmai ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูรสหวาน กลิ่นหอม สีสวยน่ารับประทาน แป้งนุ่มขึ้นมันเงา ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ เป็นขนมไทยสมัยโบราณ นิยมทำหลากสี เพื่อนๆสามารถ ทำตามได้ง่ายๆเลยค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ ที่เรียกว่าขนมชักหน้านั้น เพราะเวลาทำหน้าจะต้องบุ๋ม ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำขนมน้ำดอกไม้ |
| ผสมน้ำตาลทราย+น้ำร้อน จากนั้นคนจนน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นพักให้เย็นลง |
| ผสมแป้งข้าวเจ้า+แป้งท้าวยายม่อม ค่อยๆเทน้ำที่ผสมน้ำตาลลงไป จากนั้นให้มือขยำจนแป้งละลายหมดพอผสมผสมกันดีดีก็เทน้ำส่วนที่เหลือลงไปจากนั้นตามด้วยกลิ่นมะลิ |
| แบ่งใส่ถ้วย ใส่สีตามชอบใจ สีอย่าใส่มากนะคะ ให้ใส่ถ้วยละหยดพอ พอขนมสุกสีจะเข้มขึ้นอีกค่ะ |
| นึ่งถ้วยให้ร้อนราว 15 นาที แล้วเทขนมลงไปให้เต็มถ้วย นึ่งด้วยไฟแรง 15 นาที |
| พอขนมสุกให้เอามาพักไว้ในน้ำเย็นจัดก่อนนำขนมของออกจากถ้วย |
| พอขนมเย็นแล้วก็แคะเอาออกจากถ้วยได้ค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
17. ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน young coconut pancake
ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน young coconut pancake คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปแป้งข้าวเหนียวดำ หอมหวาน นุ่มกรอบ อร่อย อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก สูตรพิเศษเพิ่มเติมคือมะพร้าวอ่อน เพิ่มรสสัมผัส กรุบกรอบ หอมมัน ทานตอนร้อนๆอร่อยมาก ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก แอดรินรับประกันความอร่อยค่ะ รับรองอร่อยสุดๆ แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน |
| ในอ่างผสม ผสมแป้งข้าวเหนียวขาว และแป้งข้าวเหนียวดำ น้ำตาลทร่าย เกลือป่น และผงฟู เข้าด้วยกัน |
| เติมส่วนผสมของเหลว ไข่ไก่ น้ำเปล่า คลุกเคล้าให้ผสมกันดี จนหนืด |
| ใส่หัวกะทิ และมะพร้าวขูดขาวลงไปผสม ใช้มือนวดจนเข้าเนื้อ |
| สุดท้ายผสมเนื้อมะพร้าวอ่อน ลงในแป้งเป็นอันพร้อมส่วนแป้งขนมบ้าบิ่น คลุกเคล้าให้เข้ากันดี |
| พักแป้งไว้ในตู้เย็น 1-2 ชั่วโมง |
| – จี่ขนมบ้าบิ่น |
| ในกระทะเทฟล่อน ตั้งไฟอ่อน ทาน้ำมันลงไปบางๆ |
| พอกระทะร้อนให้หยอดแป้งลงไป จี่แป้งให้สุกเหลืองทีละด้าน ทำจนครบสองด้าน |
| เป็นอันเสร็จค่ะ พักให้พอคลายร้อน ตัดจนเป็นชิ้นพอดีคำ พร้อมเสิร์ฟ |
|
|
|
| ทานให้อร่อยนะคะ |
18. ขนมเบื้อง Thai Crispy Pancake
ขนมเบื้อง Thai Crispy Pancake คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปแป้งบางกรอบ มีทั้งไส้หวานมัน และไส้เค็ม กลมกล่อม รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย มีลักษณะเป็นแผ่นแป้ง ส่วนผสมหลัก คือ แป้งข้าวเจ้า ไข่แดง น้ำปูนใสและน้ำตาลปี๊บ วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ มีไส้รสต่าง ๆ เช่น หน้ามะพร้าวรสมันกลมกล่อม หน้าฝอยทองหวานละมุน ซึ่งอยู่บนแป้งกรอบอร่อย รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ แค่นึกถึงเมนูนี้ น้ำลายก็ไหลแล้ว
| วิธีทำขนมเบื้อง |
| -วิธีทำไส้เค็ม |
| เริ่มจากใส่น้ำเปล่าและน้ำตาลทรายเคี่ยวให้ข้น และใส่สามเกลอลงไปผัด ตามด้วยเกลือป่นและสีผสมอาหาร สีแดงเหลือง |
| แล้วจึงใส่มะพร้าวขูดเส้น ผัดให้เข้ากันดี จนกระทั่งแห้งไร้ความชุ่มของน้ำตาล จึงเติมพริกไทยป่น และ ก้านผักชีบางส่วน หากใช้รากผักชีแราจะไม่ต้องนำรากมาเติมในตอนนี้เนื่องจากการที่ต้องนำก้านผักชีมาใส่ในช่วงผัดไส้ก็เพื่อต้องการให้กลิ่นก้านผักชีหอมๆค่ะ |
| ท้ายสุดคือโรยพริกไทยดำป่นและใบมะกรูดเส้นฝอย ผัดต่ออีกแป๊บเดียวจ้าาา ปิดเตาเอาลงพักให้เย็น |
| -วิธีทำไส้หวาน |
| ผสมไข่แดงของทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน และหยดสีผสมอาหารนิดหน่อยเพื่อเพิ่มสีเหลืองทอง |
| นำไข่ใส่ถุงพลาสติกมัดหนังยางเลยจ้าาาา รอจนน้ำเชื่อมเดือน จึงโรยไข่ทำฝอยทอง เมื่อไข่สุกก็ให้ตักขึ้นมาสะเด็ดน้ำเชื่อม เป็นอันใช้ได้ |
| -วิธีทำครีม |
| นำส่วนผสมทั้งสองอย่างใส่ในอ่างผสมตีด้วยสปี๊ดแรงสุดให้เป็นครีมขาวๆตั้งยอด เป็นอันใช้ได้ค่ะ |
| -วิธีผสมแป้ง |
| ร่อนแป้งแต่ละชนิดสลับกันไปใส่ลงในชามผสม และสลับด้วยน้ำตาลทราย ผงโกโก้ ใ |
| ส่ส่วนผสมเพียงเท่านี้ก่อนค่ะ พอเตรียมจะนำส่วนผสมไปตีให้ใส่ไข่แดงของไข่เป็ดและไข่ไก่ลงไปทันที |
| เมื่อเริ่มเดินเครื่องตีให้ใส่น้ำปูนใสทีละน้อยและเริ่มเดินเครื่องตีแป้งด้วยแรงตีต่ำสุดก่อน เมื่อทะยอยใส่น้ำปูนใสจนเป็นหมดจึงเริ่มเปิดสปี๊ดแรงสุด |
| ตีจนส่วนผสมเข้ากัน หรือตรวจดูตรงที่น้ำตาลทรายละลายตังลงจากนั้นเป็นอันใช้ได้ ให้พักแป้งก่อนนำมาใช้งานค่ะ |
| – วิธีทำขนมเบื้อง |
| วอร์มเตาให้ร้อน เมื่อเตาร้อนได้ที่แล้ว ก็ละเลงแป้งได้ |
| เมื่อแป้งเริ่มสุกจึงละเลงครีมลงได้ทันที เมื่อละเลงครีมเสร็จให้รีบโรยไส้ทันที เพราะเนื้อครีมกับไส้จะได้ยึดติดกัน หากใส่ไส้ตอนครีมเริ่มแห้งจะทำให้ไส้และครีมไม่ติดกัน |
| แล้วพับแล้วพักไว้ให้เย็น เป็นอันพร้อมเสิร์ฟค่ะ |
19. ขนมปุยฝ้าย Cotton-wool cake
ขนมปุยฝ้าย Cotton-wool cake ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูเนื้อนุ่ม ขี้นฟูดี หน้าแตกเป็นแฉกสวยงาม หวานหอม รสชาติ กลมกล่อม กี่ชิ้นก็ไม่พอ อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน ขนมยอดนิยมในวันตรุษจีน มีความหมาว่า ให้ชีวิตเจริญเฟื่องฟู ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ แอดริน รับประกันสูตรและความอร่อยลงตัว นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำขนมปุยฝ้าย |
| ร่อนแป้ง กับผงฟูเข้าด้วยกันพักไว้ |
| นำไข่ไก่ น้ำตาล และน้ำใส่โถตี และป้ายเอสพีที่หัวตะกร้อตีด้วยความเร็วสูงสุด ราวๆ 4-5 นาที (ขึ้นอยู่กับความเร็วของเครื่องและไข่ไก่ใหม่หรือเก่าด้วย) ให้สังเกตุดูที่ส่วนผสมเป็นหลัก ตีจนกระทั่งเป็นข้นเหนียวขาวเนียน (ใช้ไม้พายควักจากนั้นไม่หยด เพราะถ้าส่วนผสมไม่ข้นขนาดนี้ เวลานึ่งหน้าจะไม่แตก) |
| ลดความเร็วเป็นต่ำสุด แล้วทยอยเติมแป้งลงไป ให้ส่วนผสมกับแป้งเข้ากัน (ถ้ากลัวฟุ้งก็เอาพายคนๆก่อนก็ได้) ราวๆ 1 นาที |
| ตามด้วยเติม (นมข้นจืด น้ำมะนาว กลิ่นมะลิ) หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นตีด้วยความเร็วสูงสุด ราวๆ 4-5 นาที (หลังจากนั้นแต่ว่าอยากให้แป้งออกมาเนื้อนิ่มมากน้อยแค่ไหน) และตีด้วยความเร็วต่ำอีก 1 นาที เพื่อไล่ฟองอากาศ |
| นำส่วนผสมมาแบ่งเป็น 3 ส่วน เพื่อใส่สีตามชอบ (ควรใส่สีทีละหยด สีที่นึ่งออกมาแล้วจะเข้มกว่าสีที่เราเห็นตอนผสมมาก) คนส่วนผสมให้เข้ากัน |
| เตรียมถ้วยกระดาษ (เบอร์ตามต้องการ) แล้วตักแป้งขนมใส่กระทงกระดาษที่รองด้วยพิมพ์อะลูมีเนียม ตักให้เต็มถ้วยแต่ไม่ต้องล้น (สามารถตกแต่งด้วยลูกเกด) |
| เตรียมรังถึง โดยนำผ้าขาวบางห่อฝาไว้ เพื่อกันไม่ให้น้ำหยดใส่หน้าขนม ตรวจดูน้ำให้ด้านล่างใส่น้ำ 3/5 ของลังถึง และตั้งน้ำใช้ไฟแรงจนน้ำเดือดพล่านจากนั้น จากนั้นจึงวางปุยฝ้ายลงไปในซึ้ง เสร็จจากนั้นปรับเป็นไฟอ่อนๆ ทันที |
| ใช้เวลานึ่งราวๆ 15 นาทีจนสุก พักขนมให้เย็นบนตะแกรงให้เย็นสนิท จัดเสิร์ฟ |
| ทานให้อร่อยนะคะ |
20. ขนมเปียกปูน pandan sweet pudding
ขนมเปียกปูน pandan sweet pudding คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปหอมอร่อยมาก ใบเตยหอมหวานเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ใครได้ชิมต้องพากันหลงรัก เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย เป็นสูตรจากคุณสง่า สิงโต เจ้าของร้านขนมไทยโบราณต้นตำหรับประจำจังหวัดพิษณุโลก ที่สามารถทำกินเองหรือทำขายได้สบายๆ เป็นสูตรอร่อยหอมหวาน ที่พิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบและวิธีทำที่อาจใช้เวลาทำอยู่บ้าง ของอร่อยอย่างนี้ต้องห้ามพลาด
| วิธีทำขนมเปียกปูน |
| ผสมแป้งทุกชนิดเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลมะพร้าวและน้ำตาลทราย นวดให้ผสมกันดีประมาณ 10 นาที |
| ค่อยๆ เทน้ำปูนใสใส่ลงไปทีละน้อยจนหมด และใส่น้ำใบเตยผสมให้เข้ากันดี จากนั้นใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำแป้ง |
| หลังจากนั้นนำน้ำแป้งที่ได้เทใส่ในกระทะทอง …กวนไปทางเดียวกันจนกว่าแป้งเหนียว ราว 30 นาที |
| เสร็จแล้วเทใส่ถาดหรือพิมพ์ (ที่ทาด้วยน้ำมันพืชบางๆ) พักให้เย็น …ต่อจากนั้นตัดแบ่งออกเป็นชิ้น โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกผสมเกลือป่น จัดเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
21. ขนมเปียกปูนกะทิสด Thai coconut sweet pudding
ขนมเปียกปูนกะทิสด Thai coconut sweet pudding อันดับที่ 21 อร่อยกับเนียนนุ่ม ละมุนลิ้น หอมกลิ่นใบเตย ได้รสหวานมัน ด้านบนเป็นเนื้อกะทิมะพร้าวอ่อน เข้มข้น ใครได้ชิมต้องพากันหลงรัก ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ ความอร่อยม๊ากมาก กอไก่ล้านตัว นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำขนมเปียกปูนกะทิสด |
| นำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าว น้ำตาลทราย น้ำตาลโตนด เกลือ และน้ำกะทิ ใส่ทีละนิด จากนั้นใช้มือค่อยๆ นวดแป้งให้ทุกอย่างเข้ากันดี |
| ตามด้วยน้ำมะพร้าว น้ำปูนใส น้ำใบเตยเข้มข้น ใช้ตะกร้อมือ ผสมให้ส่วนผสมผสมกันดีดี จากนั้นมากรองใส่กระทะที่เราจะกวนแป้ง |
| หลังจากนั้นนำไปตั้งไฟกลาง กวนจนกระทั่งเป็นแป้งสุก โดยต้องกวนไปทางเดียวกัน กวนให้ถึงก้นกระทะ เมื่อแป้งจับตัวกัน ให้เริ่มผสมให้แรงขึ้นจนสุกดี สังเกตว่าแป้งเริ่มใส ถือว่าใช้ได้ |
| นำมาหยอดใส่ถ้วยพิมตามชอบ แล้วพักไว้ |
| มาเตรียมในส่วนของหน้ากะทิ นำกะทิเทลงในภาชนะผสม แป้งข้าวเจ้า และเกลือ คนผสมให้เข้ากันดี |
| จากนั้นนำไปตั้งไฟกลาง ใช้ตะกร้อมือคนไปในทางเดียวกันเรื่อยๆ รอจนหน้ากะทิเดือดและข้นขึ้นมา ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนที่หั่นเตรียมไว้ |
| คนด้วยไฟกลางต่อเนื่อง รอจนหน้ากะทิเดือดขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อให้เก็บได้นาน จากนั้นก็ปิดเตา นำลงมาหยอดด้านบนเปียกปูนที่ทำไว้ โรยด้วยงาคั่วด้านบน ทานให้อร่อยนะคะ |
22. ขนมเปียกปูนโบราณ black coconut sweet pudding
ขนมเปียกปูนโบราณ black coconut sweet pudding คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปหอมอร่อยมาก เป็นสูตรโบราณแท้ อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน สีดำทำจาก ใบตาลเผาไฟหรือกาบมะพร้าวเผาไฟ เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ เป็นสูตรจากคุณสง่า สิงโต เจ้าของร้านขนมไทยโบราณต้นตำหรับประจำจังหวัดพิษณุโลก ที่สามารถทำกินเองหรือทำขายได้สบายๆ เป็นสูตรอร่อยหอมหวาน ที่พิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบและวิธีทำที่อาจใช้เวลาทำอยู่บ้าง แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำขนมเปียกปูนโบราณ |
| ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน ผสมน้ำปูนใส น้ำเปล่า และน้ำตาลกรองด้วยผ้าขาวบาง |
| กาบมะพร้าวที่เผาจากนั้นละลายน้ำที่เหลือ กรองด้วยผ้าขาวบาง ผสมลงในแป้งให้มีสีดำ |
| กวนแป้งในกระทะทอง หรืออะลูมิเนียมสำหรับทำขนมก็ได้ กวนจนเหนียว เกือบแห้ง ซึ่งอาจจะใช้เวลาแตกต่างกันตามสูตรนี้แนะนำให้เคี่ยวเตาถ่าน และจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง ครึ่งขึ้นไป แต่ถ้ากวนขายแบบคุณยายในปริมาตรเดียวกันจะใช้เวลากวน3 ชั่วโมงอย่างน้อยกว่าขนมจะเหนี่ยวเข้าที่ |
| ตักใส่ถาดพิมพ์ ทิ้งไว้ให้เย็น จะตัดเป็นชิ้นหรือแกะออกมาจากพิมพ์ก็ได้ |
| ใช้มะพร้าวขูดเป็นเส้น คลุกกับเกลือป่นนิดหน่อย โรยบนขนมเป็นอันเสร็จ ทานให้อร่อยนะคะ |
23. ขนมเปียกปูนฟักทอง pumpkin sweet pudding
ขนมเปียกปูนฟักทอง pumpkin sweet pudding รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำขนมรสชาติอ่อนละมุน นุ่มลิ้น หอมหวานไปด้วยกะทิสด เพิ่มเติมคุณค่าและสีสันด้วยฟักทอง นึ่งบดสุก ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ เป็นขนมที่มากคุณค่า และอร่อย เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ความอร่อยม๊ากมาก กอไก่ล้านตัว เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้
| วิธีทำขนมเปียกปูนฟักทอง |
| นำฟักทองปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น นึ่งบนน้ำเดือดให้สุก พักไว้ให้เย็นจากนั้นนำไปปั่นรวมกับกะทิ |
| เตรียมมะพร้าวขูดเส้นเตรียมไว้ เราใช้มะพร้าวทึนทึกค่อนข้างอ่อนแทนมะพร้าวอ่อน |
| งาดำและงาขาว แยกกันคั่วเพราะสุกไม่พร้อมกัน หลังจากนั้นนำมาบุ๋มมาแตก |
| หัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ ผสมรวมกันคนให้แป้งและเกลือละลายดี นำขึ้นตั้งไฟอ่อน |
| คนจนกะทิอุ่นจัดและข้น ยกขึ้นจากเตา |
| ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดรวมกัน ใส่น้ำปูนใสนวดให้เข้ากันแป้งละลายดี |
| ส่น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ผสมให้น้ำตาลละลาย แล้วจึงใส่ฟักทองปั่นลงไปคนจนเข้ากันดี นำไปกรอง จากนั้นพักแป้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง |
| เทใส่กระทะกวนด้วยไฟอ่อนไปในทิศทางเดียวกันจนแป้งสุก เนื้อแป้งจะเนียนใส ยกขึ้นจากเตา |
| ตักเปียกปูนใส่ถ้วย ราดกะทิ โรยงาคั่ว ทานให้อร่อยนะคะ |
24. ขนมผิง Kanom Ping
ขนมผิง Kanom Ping รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำรสหวานมัน มีความกรุบกรอบละลายในปาก รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ ทำมาจากแป้งผสมกับน้ำตาล แล้วนำไปอบด้วยไฟบนและไฟล่างจนกรอบ เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แอดรินรับประกันความอร่อยค่ะ รับรองอร่อยสุดๆ เป็นขนมไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลจากขนมสไตล์โปรตุเกส ด้วยความกรอบรสหวานมัน ละลายในปาก เพิ่มความหอมนด้วยกการไป ผิงไฟจนสุกสีเหลืองนวลสวยงาม มีกลิ่นหอมอบจากควันเทียน ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำขนมผิง |
| – เคี่ยวน้ำตาล |
| ผสมกะทิกับน้ำตาลทราย คนให้ละลาย นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวจนกระทั่งยางมะตูม ยกลงพักไว้ให้อุ่น |
| พอกะทิอุ่น ใส่ไข่แดงลงไปผสมให้เข้ากันดี แล้วค่อย ๆ เติมแป้งลงไป |
| นวดให้เข้ากันดีจนแป้งเนียน พักไว้ 1 คืน เอาพลาสติกถนอมอาหารคลุมไว้ |
| – ปั้น |
| พอครบเวลา นำมานวดให้เข้ากันอีกครั้ง |
| ค่อย ๆ ปั้นเป็นก้อนกลม เรียงใส่ถาดที่ทาน้ำมัน |
| -นำเข้าอบ |
| เข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ราว 15 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง เอาออกมาพักให้เย็น |
| เสร็จหลังจากนั้นก็เก็บใส่ภาชนะปิดมิดชิด ทานให้อร่อยนะคะ |
25. ขนมลืมกลืน Mung Bean Flour with Coconut Cream
ขนมลืมกลืน Mung Bean Flour with Coconut Cream อันดับที่ 25 อร่อยกับละลายในปากหอมหวานมันกำลังดี อร่อยเด็ด รสชาติไม่เป็นสองรองใคร วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ตัวขนมแบ่งออกเป็นสองส่วน คือตัวขนมที่ทำจากแป้ง และหน้าขนมที่ทำจากกระทิ ลักษณะ นุ่ม หวานหอม จากตัวขนม และ มันเค็มจาก ส่วนหน้าขนม จัดเป็นชิ้นพอดีคำ ทำให้ทานง่าย ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำขนมลืมกลืน |
| – ขั้นตอนทำตัวแป้งลืมกลืน |
| ใส่น้ำตาลทราย และแป้งถั่งเขียในอ่างผสม เติมน้ำสะอาด และกลิ่นมะลิลงไป |
| คนส่วนผสมแป้งให้ละลายเข้ากันดีดี |
| ตักแป้งเป็น 3 ส่วนเท่าๆกัน จากนั้นหยดสีผสมอาหารลงไป 1-2 หยด คนจนเข้ากัน |
| เทแป้งลในกระทะทีละสี ใช้ไฟอ่อนๆในการกวนแป้ง กวนจนสุก แป้งจะใส |
| นำแป้งที่กวนจากนั้นลงในถุงบีบ บีบลงในพิมพ์วุ้นตอนแป้งอุ่นๆ ทำให้ครบทุกสี |
| – ขั้นตอนการทำกะทิหยอดหน้า |
| เทส่วนผสมของการทำหน้ากะทิลงในกระทะยังไม่ต้องเปิดไฟ |
| คนจนส่วนผสมส่วนผสมทุกอย่างละลายเข้ากันดีดี หลังจากนั้นเปิดไฟอ่อน |
| ค่อยๆใช้ไม้พายคนส่วนผสมไปทางเดียวกัน จนกว่ากะทิจะสุกข้น |
| ปิดไฟและนำกะทิไปกรองอีกครั้งในกระชอนตาถี่ จะได้กะทิเนื้อเนียน |
| ตักกะทิลงในถุงบีบ บีบใส่หน้าขนมลืมกลืนตามชอบ ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยถั่วทอง ทานให้อร่อยนะคะ |
26. ขนมสเน่ห์จันทน์
ขนมสเน่ห์จันทน์ ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอขนมหอม หวาน นุ่ม แป้งข้าว ใส่ถั่วบ้าง ใส่ไข่บ้าง กะทิ และน้ำตาล กวนรวมกันพอปั้นได้นำมาปั้นเป็นผลลูกจ้นทน์ แจกจ่ายในงานสมรส อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ รสรินทร์รับประกันความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะ เป็นอีกหนึ่งขนมไทยมงคลเหมาะทำบุญถวายพระ รวมถึงเป็นของขวัญเทศกาลต่าง ๆ นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำขนมสเน่ห์จันทน์ |
| ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และผงจันทน์เทศป่นเข้าด้วยกัน เตรียมไว้ |
| นำหัวกะทิและน้ำตาลทรายใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อน คนจนน้ำตาลละลาย จากนั้นค่อยนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง และนำไปผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ นำไปตั้งบนไฟอ่อน ค่อย ๆ กวนจนส่วนผสมข้น ยกลง |
| ใส่ไข่แดงลงไป คนจนเข้ากัน นำขึ้นตั้งบนไฟอ่อน กวนต่อจนส่วนผสมเหนียวพอปั้นได้ ปิดไฟ |
| ปั้นเป็นรูปร่างกลมคล้ายผลจันทร์ แต่งขั้วด้วยน้ำตาลปี๊บเคี่ยว นำไปอบควันเทียนจนหอม ทานให้อร่อยนะคะ |
27. ขนมสัมปันนี Thai Melting-Moment Cookies
ขนมสัมปันนี Thai Melting-Moment Cookies อันดับที่ 27 อร่อยกับละลายในปาก หอมหวานละมุนดุจฝัน ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ แป้งมันคั่ว คลุกเคล้ากับน้ำตาลและกะทิเคี่ยวยางมะตูม รสสัมผัสนุ่มละมุนลิ้น สีสันสวยงาม มีกลิ่นร่ำควันเทียนหอมกรุ่น ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ในสมัยโบราณ ขนมสัมปันนีมีลักษณะเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน คล้ายกับเรือสัมปันนี ซึ่งเกิดจากการกวนแป้งแล้วคลึงให้เสมอกัน ก่อนที่จะตัดขึ้นรูป แต่ในปัจจุบัน ใช้พิมพ์รูปทรงสวยงาม และนิยมใส่สีอ่อนๆ เพื่อความสวยงาม แค่นึกถึงเมนูนี้ น้ำลายก็ไหลแล้ว
| วิธีทำขนมสัมปันนี |
| นำแป้งมันไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อนจนแป้งสุก โดยสังเกตจากแป้งจะลื่น ไม่ติดกระทะ |
| ใส่แป้งลงในหม้อที่มีฝาปิด แหวกแป้งเป็นช่องตรงกลาง จุดเทียนสำหรับอบ ดับไฟให้เหลือแต่ควันแล้วใส่ถ้วยเล็ก ๆ นำไปวางไว้ตรงกลางแป้ง ปิดฝา อบควันเทียน 3 รอบ รอบละ 15-20 นาที (หรืออบข้ามคืนจะทำให้ขนมหอมยิ่งขึ้น) |
| ใส่น้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลืองหลังจากนั้นกรองกะทิใส่ตามลงไป นำขึ้นตั้งไฟกลางคนเบา ๆ จนน้ำตาลทรายละลาย หมั่นปาดขอบกระทะด้วย แต่ไม่ต้องคนบ่อยมาก รอจนเดือดหลังจากนั้นลดเป็นไฟอ่อน เคี่ยวต่อจนเริ่มเป็นยางมะตูม ยกลงจากเตา ใช้พายคนจนน้ำเชื่อมขุ่นคล้ายนมข้น พักทิ้งไว้จนอุ่น |
| แบ่งน้ำเชื่อมเป็น 2 ถ้วย จากนั้นหยดสีผสมอาหารลงไปคนคนให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งแป้งเป็น 2 ส่วน ใส่ลงไปในน้ำเชื่อมจากนั้นคนให้ส่วนผสมจับกันเป็นก้อนจากนั้นใช้มือนวดต่อจนเนียน |
| โรยแป้งนวลบาง ๆ ลงในพิมพ์ ปั้นส่วนผสมเป็นก้อนกลมจากนั้นใส่ลงไปในพิมพ์ กดจนแน่น เคาะออกมาจากพิมพ์ จัดเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
28. ขนมใส่ไส้ Steamed flour with coconut filling
ขนมใส่ไส้ Steamed flour with coconut filling แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 28รสชาติหวานมัน อร่อย ด้วยเนื้อแป้งที่เหนียวนุ่ม สอดไส้มะพร้าวหวานมัน ห่อด้วยใบตอง ให้กลิ่นหอมแบบธรรมชาติ อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก รสรินทร์รับประกันความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะ เพื่อเป็น 1 ในขนม 9 อย่าง ที่ใส่ในขันหมากโทคู่ขันหมากเอก ในขบวนแห่ขันหมากเพื่อไปสู่ขอเจ้าสาว มีลักษณะเป็นขนมที่ใช้แป้งข้าวเหนียวขาวและแป้งข้าวเหนียวดำ ห่อหุ้มไส้ข้างใน ทำจากมะพร้าวเคี่ยวน้ำตาล หยอดด้วยแป้งข้าวเจ้า กะทิ และเกลือ ที่กวนสุก แล้วห่อด้วยใบตองให้เป็นทรงสูงคาดด้วยทางมะพร้าว แค่คิดก็อดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำขนมใส่ไส้ |
| – วิธีทำไส้มะพร้าว |
| ใช้มีดเล็ก ขูดเนื้อมะพร้าวจากลูกมะพร้าวอ่อน ลูกมะพร้าวทึนทึก ออกมาเป็นฝอยเล็ก ๆ |
| ตั้งกระทะ เปิดไฟกลาง เทน้ำมะพร้าว 50 กรัม ลงไป ตามด้วยเกลือ ครึ่ง ช้อนชา น้ำตาลโตนด 480 กรัม เคี่ยวจนกว่าน้ำตาลโตนดจะละลาย |
| ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไป ผัดให้ไส้แห้ง และ เหนียว เสดแล้วให้ตักขึ้น พักให้เย็น |
| ปั้นไส้เป็นลูกกลม ๆ ขนาดเล็ก ใส่ลงในหม้อ วางชามแก้วอยู่ตรงกลาง จากนั้นจุดไฟเทียนอบขนม เมื่อไฟลุกให้ดับไฟ จนเทียนส่งควันสีขาว จากนั้นจึงวางลงในชามที่จัดเตรียมไว้ ปิดฝาให้สนิท เพื่ออบไส้ เป็นเวลา 20 นาที |
| – วิธีทำแป้งห่อไส้มะพร้าว |
| เตรียมอ่างผสมอาหาร เทแป้งข้าวเหนียว 300 กรัมลงไป ตามด้วยเนื้อตาลโตนด 170 กรัม ใช้มือคนให้เข้ากัน หลังจากนั้นเทน้ำเย็นจัดลงไปเล็กน้อย นวดแป้งจนกว่าเนื้อเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ |
| นำเนื้อแป้งออกมาเล็กน้อย ห่อไส้มะพร้าวที่ปั้นไว้เข้าด้วยกัน ให้เป็นลูกกลม ๆ แล้วใช้ผ้าขาวบาง ปิดพักไว้ |
| -วิธีทำกะทิ |
| เตรียมชามผสมใหม่ ใส่แป้งข้าวเจ้า 120 กรัม แป้งถั่วเขียว 1 ช้อน น้ำตาลทราย 2 ช้อน เกลือ สามส่วนสี่ ช้อน ใช้ตะกร้อมือคนจนเข้ากัน |
| ใส่หัวกะทิลงไป 700 กรัม คนเข้าด้วยกัน จนกว่าแป้งจะละลายเข้ากันทั้งหมด ตามด้วยหางกะทิอีก 300 กรัม จากนั้นค่อยนำไปตั้งไฟ เปิดไฟกลาง คนจนกว่าเนื้อแป้งข้นขึ้น จึงปิดไฟ |
| ใส่ไส้มะพร้าวที่ห่อไว้ ลงไปในหม้อจนหมด แล้วใช้ช้อน ตักเนื้อแป้งพร้อมไส้ขึ้นมาทีละลูก ใส่ในใบตอง |
| -วิธีทำห่อใบตอง |
| วิธีทำห่อใบตอง จะใช้ใบตอง 2 ใบ ใบที่ 1 ให้ตัดใบตองออกเป็นสี่เหลี่ยมมุมเฉียงทั้ง 4 ด้าน (เหมือนสามเหลี่ยมชนกัน) หรือ จะเป็นวงรีก็ได้ โดยให้ตัดเป็นแผ่นใหญ่ ใบที่ 2 ตัดใบตองเหมือนกัน แต่ให้มีขนาดเล็กกว่า แล้วนำใบที่ 1 ใบใหญ่ หันด้านมันออก ใบที่ 2 หันด้านมันเข้า มาวางซ้อนกัน ตักแป้งและไส้มาวางแล้วเริ่มห่อ |
| วิธีห่อ ให้พับด้านที่สั้นสุด เข้าหากัน ต่อจากนั้น ค่อยพับด้านยาวเข้ามาประกบ ใช้ใบมะพร้าวมาคาดเตี่ยวตรงจุดประกบ คล้องขึ้นเข้าหากันด้านบน แล้วนำไม้จิ้มฟันมากลัดใบมะพร้าว |
| เรียงห่อขนมทั้งหมดลงในซึ่ง นึ่งเป็นเวลา 20 นาที เป็นอันเสร็จ |
| ทานให้อร่อยนะคะ |
29. ขนมใส่ไส้ประยุกต์
ขนมใส่ไส้ประยุกต์ แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 29รสชาติหวานละมุนลิ้น แถมทำไม่ยาก สวยอร่อยทำง่ายเครื่องไม่เยอะ ใครได้ชิมต้องพากันหลงรัก เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ แอดริน รับประกันสูตรและความอร่อยลงตัว ขนมใส่ไส้เป็นขนมไทยที่นิยมใช้ในพิธีขันหมาก มีไส้กระฉีกอยู่ตรงกลาง ปกติจะห่อด้วยใบตองให้เป็นทรงสูงโปร่ง แล้วคาดด้วยเตี่ยวใบมะพร้าว สูตรนี้ประยุกต์วิธีการนำเสนอให้มีรูปแบบที่สะดวก รับประทานง่ายๆ แค่นึกถึงเมนูนี้ น้ำลายก็ไหลแล้ว
| วิธีทำขนมใส่ไส้ประยุกต์ |
| – วิธีทำไส้กระฉีก |
| ใส่น้ำตาลปี๊บ ลงในกระทะเปิดไฟอ่อน ค่อยๆคนจะน้ำตาลละลาย คนจนกระทั่งเป็นเหนียวข้น |
| ใส่มะพร้าวขูดลงไป ผัดไปเรื่อยๆจนกว่าไส้จะเริ่มแห้งดี สามมารถปั้นเป็นก้อนได้ |
| ปั้นไส้เป็นก้อนกลมๆ โดยก่อนปั้นใช้มือจุ่มน้ำจะทำให้ไส้ปั้นง่ายไม่ติดมือ |
| – วิธีทำแป้งห่อไส้ |
| ในอ่างผสม ผสมแป้งข้าวเจ้า หัวกะทิ นำใบเตย หรือน้ำอัญชันเข้าด้วยกัน |
| นวดให้เข้ากันจนแป้งไม่ติดมือ นำผ้าขาวชุบน้ำหมาดพักแป้งไว้สักครู่ทั้งแป้งใบเตย และอัญชัน |
| – การห่อและต้มแป้ง |
| แผ่แป้งให้บาง นำไส้ที่เตรียมไว้วางตรงกลาง ห่อแป้งให้มิด ทำจนหมดแป้ง หรือหมดไส้ |
| ต้นน้ำด้วยไฟแรงโดยใส่ใบเตยลงไปมัดเล็กๆ พอน้ำเดือดหลังจากนั้นหรี่ไปกลางค่อนอ่อน |
| นำแป้งลงไปต้ม จนกว่าแป้งจะสุก โดยถ้าสุกแป้งจะลอบขึ้นมา |
| ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น จะได้ตัวแป้งไส้กระฉีก |
| – วิธีทำกะทิหยอด |
| เทส่วนผสมของกะทิลงในกระทะ โดยยังไม่ต้องเปิดไฟ ใช้ไม้พายคนผสมส่วนประสมทุกสิ่งให้เข้ากันดี |
| เปิดไฟอ่อนในการเคี่ยว คนตลอดเวลา เมื่อแป้งเริ่มสุกกะทิจะข้น ให้รีบปิดไฟยกขึ้น |
| – หยอดลงพิมพ์ |
| นำพิมพ์ขนมพลาสติกออกมาเรียง ตักกระทิอุ่นๆลงใยพิมพ์ สักประมาณ1/2หนึ่ง หรือสามารถใช้ถุงบีบหยอดได้ |
| จากนั้นนำแป้งที่ต้มไว้จากนั้นมาวางตรงกลาง จะได้ขนมใส่ไส้ประยุกต์พร้อมเสิรฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
30. ขนมอาลัว Ar Lua
ขนมอาลัว Ar Lua ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอเป็นขนมรสชาติหวาน หอม สีสันสดใส เท่าไหร่ก็ไม่พอ รับรองใครมาชิมต้องติดใจ จับแป้งผสมน้ำตาลแล้วกวนจนล่อน เสร็จแล้วก็มาเติมสี แล้วบีบเป็นเม็ดสวย สุดท้ายเอาไปตากแดดรอจนแห้ง ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก แอดริน รับประกันสูตรและความอร่อยลงตัว เป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลจากขนมสไตล์โปรตุเกส คิดค้นโดยท้าวทองกีบม้า ลักษณะขนมอาลัวโบราณจะมีผิวด้านนอกที่กรอบ แต่ด้านในนุ่มละมุน แค่เคี้ยวก็ได้กลิ่นมะลิหอมฟุ้งไปทั่วปาก โดยคำว่า “อาลัว” จะหมายถึง เสน่ห์ดึงดูดใจ เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้
| วิธีทำขนมอาลัว |
| ร่อนแป้ง จากนั้นใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากัน |
| ค่อยๆ ใส่กะทิลงไป สามารถเพิ่มกลิ่นได้ค่ะ พอเข้ากันแล้วเทส่วนผสมลงไปในกระทะ |
| ค่อยๆ กวนด้วยไฟอ่อน พอเริ่มล่อนจากกระทะก็ดับเตา |
| แบ่งใส่ชาม ผสมสีตามชอบ คนให้หายร้อนลงบ้าง จากนั้นเอาใส่ถุงบีบ |
| จากนั้นบีบลงในถาด จึงนำไปตากแดดเป็นเวลา 2-3 วัน |
| พอครบสามวันจากนั้นเก็บขนมใส่ขวดโหล ปิดภาชนะให้มิดชิด เก็บไว้กินได้นาน ทานให้อร่อยนะคะ |
31. ข้าวเหนียวมะม่วง mango sticky rice
ข้าวเหนียวมะม่วง mango sticky rice แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 31อร่อยเด็ด รสชาติไม่เป็นสองรองใคร เพื่อนๆสามารถ ทำตามได้ง่ายๆเลยค่ะ แอดรินรับประกันความอร่อยค่ะ รับรองอร่อยสุดๆ ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ
| วิธีทำข้าวเหนียวมะม่วง |
| – วิธีทำข้าวเหนียวมูน |
| นำข้าวเหนียวมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้ |
| เปิดเตาที่ไฟปานกลางค่อนข้างแรง ตั้งหม้อนึ่ง ใส่น้ำลงไป เมื่อน้ำเดือดให้สะเด็ดน้ำข้าวเหนียวขึ้นมา ห่อผ้าขาวบาง ตัดใบเตยวางลงไปประมาณ 2 ใบจึงนำไปนึ่ง |
| นึ่งไปราว 30 นาที หรือจนข้าวเหนียวสุก (สังเกตว่าเม็ดข้าวเหนียวจะใสขึ้น) |
| นำกะทิมาแบ่งไว้ 0.75 ถ้วย สำหรับกะทิส่วนที่เหลือเอาไปใส่ลงในหม้อ ใส่น้ำตาลและเกลือ 1 ช้อนชาลงไป นำไปตั้งบนไฟอ่อน |
| มัดใบเตยลงไปในหม้อ 2 ใบ คนเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลาย อย่าให้กะทิเป็นก้อน รอจนกะทิเดือดก็ปิดเตาและยกลงได้ |
| ตักข้าวเหนียวที่สุกหลังจากนั้นใส่ในอ่างผสม เทกะทิร้อนๆ ใส่ลงไป คนเร็วๆ ให้ทั่วหลังจากนั้นปิดฝาให้ข้าวเหนียวระอุ ราวๆ 15 นาที |
| – วิธีทำกะทิราดข้าวเหนียว |
| นำกะทิ 0.75 ถ้วยที่แบ่งไว้มาผสมกับแป้งข้าวเจ้าและเกลือ 1 ช้อนชา นำไปตั้งไฟ คนเรื่อยๆ จนกะทิข้น พอกะทิเดือดก็ปิดเตาได้ จัดเตรียมไว้เป็นกะทิสำหรับราดหน้า |
| ตักข้าวเหนียวใส่จาน ราดด้วยน้ำกะทิที่จัดเตรียมไว้ เสิร์ฟพร้อมมะม่วงสุกฉ่ำๆ ทานให้อร่อยนะคะ |
32. ข้าวเหนียวมูนสูตรโบราณ Coconut Flavored Sticky Rice
ข้าวเหนียวมูนสูตรโบราณ Coconut Flavored Sticky Rice รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำข้าวเหนียวมูน รับประทานได้กับหน้าหลากหลาย เพื่อให้ข้าวเหนียวดูดน้ำกะทิได้ดี ต้องเป็นกะทิคั้นแห้งสดๆ อร่อยเด็ด รสชาติไม่เป็นสองรองใคร เคล็ดลับคือต้องใช้ข้าวเหนียวพันธุ์เขี้ยวงูเก่า ขัดข้าวเหนียวกับสารส้มเพื่อให้ข้าวเหนียวมูนมีลักษณะที่มันเงา นุ่มสวยงามเรียงเมล็ดเวลามูน เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก รสชาติที่อร่อยนี่นี้มีประวัติความเป็นมายาวนาน ว่ากันว่าข้าวเหนียวมูนคือขนมที่คนสมัยอยุธยาตอนปลายรับประทานกันอย่างกว้างขวาง CNN สำนักข่าวเจ้าดัง ถึงกับจัดให้ข้าวเหนียวมะม่วงติดอยู่ในลิสต์ 50 สุดยอดอาหารหวานแสนอร่อยจากทั่วโลก อีกซะด้วย นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำข้าวเหนียวมูนสูตรโบราณ |
| -การหุงข้าวเหนียว |
| ล้างข้าวเหนียวเขี้ยวงู ด้วยสารส้ม (จะช่วยให้เมล็ดใส ขึ้นเงา) ให้ล้างโดยการเปิดน้ำให้ท่วมข้าวเหนียว |
| จากนั้นน้ำข้าวเหยียวลงไป ค่อยๆขัดข้าวเหนียวกับสารส้มอย่างเบามือ จนกว่าน้ำจะใส ล้างสัก 2-3 น้ำ |
| พักข้าวเหนียวไว้ 4 ชั่วโมง |
| เทน้ำใส่หม้อประมาณ 1/4 ของหม้อ ใส่ใบเตยลงไปเพื่อเพิ่มความหอม เปิดไฟแรงจนน้ำเดือด |
| ใส่ข้าวเหนียวลงไปในหวด นึ่ง 30 นาที แต้ต้องมาพลิกข้าวทุก 10 นาที |
| – ทำกะทิมูนข้าวเนียว |
| คั้นกะทิคั้นแห้ง (กะทิคั้นแห้งคือการคั้นกะทิโดยการไม่ใส่น้ำ) หากไม่มีให้ใช้กะทิกล่องแทนก็ได้ |
| ผสมกะทิ น้ำตาลทราย และ เกลือ คนให้เข้ากันดีโดยไม่ต้องตั้งไฟ |
| – การมูนข้าวเหนียว |
| ใส่ข้าวเหนียวร้อนๆ ลงไปในน้ำกะทิที่เตรียมไว้ ค่อยๆคนโดยใช้ไม้พาย คนไปในทางเดียวกัน พักข้าวเหนียวไว้ 20 นาที |
| กลับและคนข้าวให้เข้ากันอีกรอบ ปิดฝา ทิ้งไว้อีก 20 นาที |
| เมื่อครบเวลา ข้าวเหนียวจะอิ่มกะทิ เมล็ดเรียงตัวสวย และเงางาม ทานให้อร่อยนะคะ |
33. ข้าวเหนียวสังขยา Sweet Sticky Rice with Thai Custard
ข้าวเหนียวสังขยา Sweet Sticky Rice with Thai Custard แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 33ตัวสังขยามีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่มรสชาติหวานหอม รับประทานกับข้าวเหนียวมูนเข้ากันได้เป็นอย่างดี อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำข้าวเหนียวสังขยา |
| – การทำหน้าสังขยา |
| สูตรนี้จะใช้ไข่เป็ดด้วย เพราะจะทำให้เนื้อสังขยานิ่มพอดี |
| ตอกไข่ลงในอ่างผสม ตามด้วยเกลือป่น น้ำกะทิ และใบเตย |
| ใช้มือขยำส่วนคนจนเข้ากัน ใบเตยจะทำให้ไข่ไม่คาวอีกด้วย พอทุกสิ่งเข้ากันดีนำไปกรอง ลงในถาดรอนึ่ง |
| พักสังขยาไว้ 5-10 นาทีก่อนนำไปนึ่งใช้ช้อน ตักฟองออกก่อน |
| – วิธีนึ่งสังขยา |
| ใส่น้ำลงไป 1/2 ของลังถึง ใส่ใบเตยหั่นท่อนลงไป เปิดไฟให้เดือด |
| ปรับไฟลงเป็นไฟอ่อน นำสังขยาลงนึ่งเป็นเวลา 30 นาที การใช้ไฟอ่อนจะทำให้สังขยาหน้าเนียน |
| พักไว้ให้เย็น สามารตักไปเป็นหน้าข้าวเหนียวสังขยา จัดเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมูน |
| -การหุงข้าวเหนียว |
| ล้างข้าวเหนียวเขี้ยวงู ด้วยสารส้ม (จะช่วยให้เมล็ดใส ขึ้นเงา) ให้ล้างโดยการเปิดน้ำให้ท่วมข้าวเหนียว |
| จากนั้นน้ำข้าวเหยียวลงไป ค่อยๆขัดข้าวเหนียวกับสารส้มอย่างเบามือ จนกว่าน้ำจะใส ล้างสัก 2-3 น้ำ |
| พักข้าวเหนียวไว้ 4 ชั่วโมง |
| เทน้ำใส่หม้อราวๆ 1/4 ของหม้อ ใส่ใบเตยลงไปเพื่อเพิ่มความหอม เปิดไฟแรงจนน้ำเดือด |
| ใส่ข้าวเหนียวลงไปในหวด นึ่ง 30 นาที แต้ต้องมาพลิกข้าวทุก 10 นาที |
| – ทำกะทิมูนข้าวเนียว |
| คั้นกะทิคั้นแห้ง (กะทิคั้นแห้งคือการคั้นกะทิโดยการไม่ใส่น้ำ) หากไม่มีให้ใช้กะทิกล่องแทนก็ได้ |
| ผสมกะทิ น้ำตาลทราย และ เกลือ คนจนเข้ากันดีโดยไม่ต้องตั้งไฟ |
| – การมูนข้าวเหนียว |
| ใส่ข้าวเหนียวร้อนๆ ลงไปในน้ำกะทิที่จัดเตรียมไว้ ค่อยๆคนโดยใช้ไม้พาย คนไปในทางเดียวกัน พักข้าวเหนียวไว้ 20 นาที |
| กลับและคนข้าวให้เข้ากันอีกรอบ ปิดฝา ทิ้งไว้อีก 20 นาที |
| เมื่อครบเวลา ข้าวเหนียวจะอิ่มกะทิ เมล็ดเรียงตัวสวย และเงางาม ทานให้อร่อยนะคะ |
34. ข้าวเหนียวหน้ากระฉีกและหน้ากุ้ง Sweet Sticky Rice with Thai Custard
ข้าวเหนียวหน้ากระฉีกและหน้ากุ้ง Sweet Sticky Rice with Thai Custard รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำข้าวเหนียวหน้ากระฉีกและหน้ากุ้ง เป็นขนมไทยโบราณ รับประทานกับข้าวเหนียวมูนเข้ากันได้เป็นอย่างดี อร่อยเด็ด รสชาติไม่เป็นสองรองใคร ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ แอดรินรับประกันความอร่อยค่ะ รับรองอร่อยสุดๆ หน้าทำมาจากกุ้ง มะพร้าว และเครื่องโขลก ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ จะกินกับข้าวเหนียวเหลืองหรือข้าวเหนียวขาวก็ตามสะดวก ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำข้าวเหนียวหน้ากระฉีกและหน้ากุ้ง |
| – วิธีทำหน้ากระฉีก |
| ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำตาลมะพร้าว ตามด้วยหัวกระทิ และใบเตย ผสมให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี น้ำตาลมีความข้นเหนียว |
| ใส่มะพร้าวทึนทึกขูด ผัดให้เข้ากัน ให้หน้ากระฉีกแห้งพอหมาดๆ |
| – วิธีทำหน้ากุ้ง |
| นำสามเกลอไปโขลกให้ละเอียด สับมะพร้าวขูดให้ละเอียด และสับกุ้งให้ละเอียด จัดเตรียมไว้ |
| ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำมันลงเล็กน้อย ผัดให้หอม |
| พอส่วนผสมเริ่มหอม นำกุ้งลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วย น้ำตาล เกลือป่น คนจนเข้ากัน |
| ใส่มะพร้าวขูดสับลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากับกุ้ง หยอดสีผสมอาหารให้สวย คนให้เข้ากันดีดี |
| เมื่อใกล้แห้ง ใส่ใบมะกรูด ปิดไฟ ได้หน้ากุ้งสำหรับทานกับข้าวเหนียวมูน |
| – การทำหน้าสังขยา |
| สูตรนี้จะใช้ไข่เป็ดด้วย เพราะจะทำให้เนื้อสังขยานิ่มพอดี |
| ตอกไข่ลงในชามผสม ตามด้วยเกลือป่น น้ำกะทิ และใบเตย |
| ใช้มือขยำส่วนคนให้ผสมกันดี ใบเตยจะทำให้ไข่ไม่คาวอีกด้วย พอทุกอย่างผสมกันดีดีนำไปกรอง ลงในถาดรอนึ่ง |
| พักสังขยาไว้ 5-10 นาทีก่อนนำไปนึ่งใช้ช้อน ตักฟองออกก่อน |
| – วิธีนึ่งสังขยา |
| ใส่น้ำลงไป ครึ่ง ของลังถึง ใส่ใบเตยหั่นท่อนลงไป เปิดไฟให้เดือด |
| ปรับไฟลงเป็นไฟอ่อน นำสังขยาลงนึ่งเป็นเวลา 30 นาที การใช้ไฟอ่อนจะทำให้สังขยาหน้าเนียน |
| พักไว้ให้เย็น สามารตักไปเป็นหน้าข้าวเหนียวสังขยา จัดเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวมูน |
| -การหุงข้าวเหนียว |
| ล้างข้าวเหนียวเขี้ยวงู ด้วยสารส้ม (จะช่วยให้เมล็ดใส ขึ้นเงา) ให้ล้างโดยการเปิดน้ำให้ท่วมข้าวเหนียว |
| จากนั้นน้ำข้าวเหยียวลงไป ค่อยๆขัดข้าวเหนียวกับสารส้มอย่างเบามือ จนกว่าน้ำจะใส ล้างสัก 2-3 น้ำ |
| พักข้าวเหนียวไว้ 4 ชั่วโมง |
| เทน้ำใส่หม้อประมาณ 1/4 ของหม้อ ใส่ใบเตยลงไปเพื่อเพิ่มความหอม เปิดไฟแรงจนน้ำเดือด |
| ใส่ข้าวเหนียวลงไปในหวด นึ่ง 30 นาที แต้ต้องมาพลิกข้าวทุก 10 นาที |
| – ทำกะทิมูนข้าวเนียว |
| คั้นกะทิคั้นแห้ง (กะทิคั้นแห้งคือการคั้นกะทิโดยการไม่ใส่น้ำ) หากไม่มีให้ใช้กะทิกล่องแทนก็ได้ |
| ผสมกะทิ น้ำตาลทราย และ เกลือ คนจนกว่าจะเข้ากันโดยไม่ต้องตั้งไฟ |
| – การมูนข้าวเหนียว |
| ใส่ข้าวเหนียวร้อนๆ ลงไปในน้ำกะทิที่จัดเตรียมไว้ ค่อยๆคนโดยใช้ไม้พาย คนไปในทางเดียวกัน พักข้าวเหนียวไว้ 20 นาที |
| กลับและคนข้าวให้เข้ากันอีกรอบ ปิดฝา ทิ้งไว้อีก 20 นาที |
| เมื่อครบเวลา ข้าวเหนียวจะอิ่มกะทิ เมล็ดเรียงตัวสวย และเงางาม ทานให้อร่อยนะคะ |
35. ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง Coconut Flavored Sticky Rice
ข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง Coconut Flavored Sticky Rice ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูข้าวเหนียวมูน ใส่หน้าปลาแห้งหอมอร่อย เป็นเมนูโบราณหาทานยาก อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ รสรินทร์รับประกันความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะ สูตรนี้ใช้ปลาช่อนย่าง ตัวเขื่องๆ โตๆ โขลกละเอียดผัดกับหอมเจียว ปรุงรสด้วยเกลือกับน้ำตาลทราย แค่นี้ก็พร้อมกินกับข้าวเหนียวมูนแล้ว แค่นึกถึงเมนูนี้ น้ำลายก็ไหลแล้ว
| วิธีทำข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง |
| -การทำหน้าปลาแห้ง |
| ใช้ปลาช่อนแดดเดียว ไม่เค็มจนเกินไป อบ หรือย่าง ด้วยไฟอ่อนๆ จนกระทั่งปลาแห้ง |
| แกะเฉพาะเนื้อ นำไปโขลก หรือปั่นให้ละเอียด เนื้อขึ้นฟู และละเอียดดี |
| เจียมหอมเจียวให้เหลือง โดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ค่อยๆ เจียวทีละน้อยพอสุกตักขึ้นมาพักให้เย็น |
| ชั่งหอมเจียวที่พักเย็นจากนั้น 70 กรัม ที่เหลือสำหรับโรยหน้า |
| ตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำมันหอมเจียวลงไป นำปลาฟูที่โขลกไว้ลงไปคั่วให้แห้ง จากนั้นใส่หอมเจียว น้ำตาลทราย เกลือ |
| คั่วสักครู่ไม่ต้องนาน ปิดไฟยกลง ได้หน้าปลาแปห้ง |
| -การหุงข้าวเหนียว |
| ล้างข้าวเหนียวเขี้ยวงู ด้วยสารส้ม (จะช่วยให้เมล็ดใส ขึ้นเงา) ให้ล้างโดยการเปิดน้ำให้ท่วมข้าวเหนียว |
| แล้วน้ำข้าวเหยียวลงไป ค่อยๆขัดข้าวเหนียวกับสารส้มอย่างเบามือ จนกว่าน้ำจะใส ล้างสัก 2-3 น้ำ |
| พักข้าวเหนียวไว้ 4 ชั่วโมง |
| เทน้ำใส่หม้อประมาณ 1/4 ของหม้อ ใส่ใบเตยลงไปเพื่อเพิ่มความหอม เปิดไฟแรงจนน้ำเดือด |
| ใส่ข้าวเหนียวลงไปในหวด นึ่ง 30 นาที แต้ต้องมาพลิกข้าวทุก 10 นาที |
| – ทำกะทิมูนข้าวเนียว |
| คั้นกะทิคั้นแห้ง (กะทิคั้นแห้งคือการคั้นกะทิโดยการไม่ใส่น้ำ) หากไม่มีให้ใช้กะทิกล่องแทนก็ได้ |
| ผสมกะทิ น้ำตาลทราย และ เกลือ ผสมให้เข้ากันโดยไม่ต้องตั้งไฟ |
| – การมูนข้าวเหนียว |
| ใส่ข้าวเหนียวร้อนๆ ลงไปในน้ำกะทิที่จัดเตรียมไว้ ค่อยๆคนโดยใช้ไม้พาย คนไปในทางเดียวกัน พักข้าวเหนียวไว้ 20 นาที |
| กลับและคนข้าวให้ผสมกันดีอีกรอบ ปิดฝา ทิ้งไว้อีก 20 นาที |
| เมื่อครบเวลา ข้าวเหนียวจะอิ่มกะทิ เมล็ดเรียงตัวสวย และเงางาม ทานให้อร่อยนะคะ |
36. ค้างคาวเผือก Fried Stuffed Taro
ค้างคาวเผือก Fried Stuffed Taro รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำเป็นขนมทอดรูปทรงสามเหลี่ยม มีจีบด้านบนสามจีบ รับรองใครมาชิมต้องติดใจ กว่าจะได้รสอร่อยต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อน ตั้งแต่ไส้ที่ทำจากกุ้งขาวผัดกับเครื่องปรุงและหัวกะทิ ตัวขนมใช้แป้งข้าวเจ้าผสมแป้งถั่วเขียวและน้ำ ก่อนจะปั้นห่อเป็นรูปค้างคาว สูตรนี้เป็นสูตรง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยากเลยค่ะ แอดริน รับประกันสูตรและความอร่อยลงตัว อาหารว่างไทยโบราณ ที่หากินได้ยากในปัจจุบัน และแทบจะไม่มีใครรู้จัก เดิมทีเป็นอาหารว่างที่ชาววังนิยมกินกัน เรียกว่าขนมค้างคาว โดยที่มาของชื่อนั้นมาจากลักษณะขนมที่เป็นสามเหลี่ยม คล้ายกับค้างคาวเวลาหุบปีกห้อยหัวนั่นเอง ส่วนตัวเผือกนั้นเป็นเผือกบดที่ใช้ห่อตัวไส้อีกที ค้าวคาวเผือกมีรสที่เป็นเอกลัษณ์ และเนื้อสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้
| วิธีทำค้างคาวเผือก |
| ผสมกุ้งสับ มะพร้าวขูดขาว และสีผสมอาหารพอเข้ากันดี |
| ตำรากผักชี กระเทียม พริกไทย ให้ละเอียด ใส่ลงผัดในน้ำมันพืชร้อนไฟปานกลางจนหอม ผัดจนกุ้งสุก |
| ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย และเกลือป่น ผัดให้เข้ากันดีและส่วนผสมแห้งโรยใบมะกรูดยกลงพักไว้ |
| ผสมเผือกนึ่งสุกกับแป้งสาลีนวดพอเข้ากัน แบ่งเป็นก้อนกลมเท่า ๆ กัน |
| แผ่ส่วนผสมเผือกให้บางนิดหน่อย ตักไส้ใส่กึ่งกลาง ห่อให้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม |
| นำลงทอดในน้ำมันพืชร้อนจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
37. ตะโก้ข้าวโพด Thai pudding with coconut topping
ตะโก้ข้าวโพด Thai pudding with coconut topping อันดับที่ 37 อร่อยกับอร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ไฮไลท์ของตะโก้อยู่ที่ตัวขนมที่แบ่งออกเป็นสองส่วน ประกอบด้วยเนื้อตะโก้ซึ่งทำมาจากสาคู และหน้ากะทิข้นๆ หอมมัน ท๊อปด้วยข้าวโพด ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ
| วิธีทำตะโก้ข้าวโพด |
| – วิธีทำสาคูใบเตย |
| ล้างเม็ดสาคูเม็ดเล็ก ไปต้มกับน้ำใบเตย โดยใช้ไฟกลาง คนจนกว่าสาคูจะเป็นตากบ |
| พอได้ที่จากนั้นให้ใส่น้ำตาลทราย เกลือคนจนเข้ากันดี ตามด้วยข้าวโพดต้ม ยกลงพักให้เย็น |
| พอเย็นจากนั้น ตักใส่ภาชนะตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นกระทงใบเตย หรือแก้วพิมพ์พลาสติก ใส่ลงไป1/2ภาชนะ |
| – วิธีทำกะทอราดหน้า |
| ตั้งหม้อ ใส่กะทิ แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือ คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน |
| เปิดไฟอ่อนๆ กวนจนกระทั่งเป็นกะทิข้นเหนียว ยกลงให้กะทิ พออุ่น หยอดใส่ตัวสาคูที่จัดเตรียมไว้ |
| โรยหน้าด้วยข้าวโพด หอมหวาน พร้อมเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
38. ทองพลุไส้ปู Thong Plu with Filled Crab
ทองพลุไส้ปู Thong Plu with Filled Crab ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูนุ่ม อร่อย เพราะใช้แป้งเดียวกับเอแคลร์ แต่นำไปทอดแทนการอบ ทานกับครีมปู หวานฉ่ำ เข้ากันได้ดี อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำทองพลุไส้ปู |
| ทำไส้ปูโดยละลายเนยเค็ม (ส่วนที่1) ในกระทะ ใส่หอมหัวใหญ่และกระเทียมลงไปผัดจมนิ่ม ใส่เนื้อปูลงไปผัดตามด้วยไวน์ขาว ตั้งไฟไปจนไวน์ระเหย |
| ใส่ผักแช่แข็งลงไปผัด ตามด้วยวิปปิงครีม คนจนเข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย |
| ทำทองพลุโดยผสมเนยเค็ม (ส่วนที่2) กับน้ำเปล่าในหม้อ คนจนเนยละลายจากนั้นใส่แป้งอเนกประสงค์ลงไป คนจนเข้ากันดีด้วยพายไม้จนแป้งสุกและล่อนไม่ติดหม้อ ยกลง |
| ใช้พายไม้คนให้แป้งคลายความร้อนสักครู่ ใส่ไข่ไก่ลงไปทีละฟองจนเนื้อแป้งมีลักษณะข้นเหนียว (อาจจะใส่ไม่หมด) |
| เทน้ำมันลงในกระทะรอจนร้อน ใช้ช้อนตวงขนาด 1 ช้อนโต๊ะ จุ่มน้ำจากนั้นตักแป้งขึ้นมาปั้นจนกระทั่งรูปร่างกลม ต่อจากนั้นนำลงทอดในน้ำมันโดยใช้ความร้อนปานกลางจนแป้งสุกเป็นสีน้ำตาลอ่อน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน |
| จัดเสิร์ฟโดยผ่า1/2ทองพลุ ระวังอย่าให้ขาด ตักไส้ปูลงไป ทานให้อร่อยนะคะ |
39. ทองม้วน Crispy egg roll
ทองม้วน Crispy egg roll ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูกรอบนาน หอมหวานมันอร่อย ใครได้ชิมต้องพากันหลงรัก ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ส่วนผสมหลักคือ แป้ง มะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ไข่ไก่ น้ำมันพืช และ งาดำ แล้วนำมา เทราดลงในพิมพ์กลมละเลงให้แผ่เป็นแผ่นบาง ผิงไฟพอสุก แล้วม้วนเป็นหลอด ขนมทองม้วน หรือทองพับ เป็นขนมมงคลที่คนไทยมักให้ทองม้วนเป็นของขวัญเนื่องจากชื่อสื่อถึงการมั่งมี และการเกาะเกี่ยวเคียงคู่กัน เหมือนขนมที่ถูกคีบหรือประกบกันไว้นั่นเอง แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำทองม้วน |
| ร่อนแป้งสาลีและแป้งมันพร้อมกัน ลงไปในอ่างผสม เปิดหลุมตรงกลางไว้ |
| ใส่ไข่ไก่ลงไป ตามด้วยเกลือป่น น้ำตาลมะพร้าว กะทิใส่นิดหน่อย จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากันดี สามารถใช้มือได้ |
| พอนวดจนน้ำตาลละลายดี และแป้งเนียนเข้าด้วยกัน จากนั้นค่อยๆ ใส่หัวกะทิลงไป จนหมด นวดให้ส่วนผสมทุกอย่างเนียนเข้ากันดี |
| นำแป้งไปพักไว้ในอุณหภูมิห้องอย่างน้อย 30 นาที – 1 ชั่วโมง |
| แล้วใส่งาดำลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน |
| เตรียมอุปกรณ์สำหรับทำทองม้วน เปิดแก๊สใช้ไฟอ่อน วางพิมพ์ทอมม้วนลงไป ทาด้วยน้ำมันพืชบางๆ ทั้งด้านบนและด้านล่าง วอร์มให้พิมพ์ร้อน |
| หยอดแป้งลงไปราวๆ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้เวลาย่างราวๆ 2 นาที ในระหว่างที่ย่าง ควรบีบพิมพ์ให้แน่น ย่างฝั่งละ 1 นาที |
| หลังจากนั้นม้วนให้เป็นทรงทองม้วน (วิธีทำโดยละเอียดดูตามคลิป) หลังจากนั้นนำขึ้นไปผึ่งบนตะแกรง รอจนหายร้อน เป็นอันเสร็จ ทานให้อร่อยนะคะ |
40. ทองม้วนคีโต Keto Crispy egg roll
ทองม้วนคีโต Keto Crispy egg roll ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอสำหรับใคร ที่ดูแลตัวเองด้วยสูตรคีโตไดเอ็ท ห้ามพลาดนะคะ อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน ขนมกรุบกรอบ สายคีโตทานได้สบายๆ กรอบนาน หอมหวานมันอร่อย ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย แค่คิดก็อดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำทองม้วนคีโต |
| ตอกไข่ลงในชามผสม ใส่น้ำมันมะพร้าว และอิริทริทอล ตีให้เข้ากันจนอิริทริทอลละลาย |
| ใส่วีทกลูเตน ตีผสมจนผสมกันดี |
| แล้วเติมกะทิ ตีจนเนียน และใส่เกล็ดมะพร้าวและงาดำ ผสมให้เข้ากันดี |
| อุ่นเครื่องทำวาฟเฟิล ใช้ไฟค่อนข้างแรง เมื่อเครื่องร้อนแล้ว ตักส่วนผสมลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ค่อย ๆ ปิดฝา อบประมาณ 2-3 นาที จนได้กลิ่นหอม สีที่ได้ต้องเป็นสีน้ำตาลทอง หากสียังอ่อนอยู่ให้อบต่ออีกสักพัก หมั่นเช็กนะคะ |
| พับขอบ 2 ด้าน เพื่อความสวยงามเวลาม้วน (จะทำให้ทองม้วนมีขอบสวย ชิ้นเท่ากันทุกอันนะคะ) |
| ใช้ตะเกียบม้วน โดยใช้ที่คีบช่วย ค่อย ๆ หมุนไปด้านหน้า ขณะที่ขนมยังร้อน ๆ |
| พักไว้ในจาน รอจนกว่าจะเซตตัวจากนั้นค่อยดึงตะเกียบออก |
| น้ำตาลอิริทริทอลจะแข็งตัวช้ากว่าน้ำตาลปกติ ต้องทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมงให้ขนมเซตตัว เพื่อความกรอบที่มากขึ้นค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
41. ทองหยอด Gold Egg Yolks Drops
ทองหยอด Gold Egg Yolks Drops รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำใช้แป้งทองหยอดตีผสมกับไข่แดง ปั้นเป็นก้อนกลมเนื้อหวานฉ่ำน้ำเชื่อม อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ สูตรนี้ใช้ไข่แดงของไข่เป็ด ใครจะใช้ไข่แดงของไข่ไก่ก็ได้เหมือนกัน มาพร้อมวิธีทำน้ำเชื่อมร้อนและน้ำเชื่อมเย็น กินเปล่า ๆ ก็หวานดี หรือใครจะเอาไปขาย สร้างอาชีพก็ยิ่งดีไปกันใหญ่ นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำทองหยอด |
| – วิธีทำน้ำลอย |
| ใส่น้ำตาลทราย น้ำสะอาด และน้ำลอยดอกมะลิ (หรือกลิ่นมะลิ อย่าใส่มากเกินไปจะทำให้ขมได้) |
| ไม่ต้องคนค่อยๆ ให้น้ำตาลละลายเอง โดยใช้ไฟอ่อนๆ เดือดแล้วปิดไฟ เทใส่ถาดพักให้เย็น |
| – วิธีทำน้ำเชื่อมข้น |
| ใส่น้ำตาลทราย น้ำสะอาด และน้ำลอยดอกมะลิ ตั้งไฟกลาง ให้น้ำตาลทรายละลาย น้ำเชื่อมเดือดพล่าน |
| ปิดไฟ พักน้ำเชื่อมทิ้งไว้ให้เย็น |
| – วิธีทำทองหยอด |
| นำไข่เป็ดและไข่ไก่มาแยกไข่แดงออกมาจากไข่ขาว โดยอย่าให้มีเศษไข่ขาวติดมาด้วย และกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อไม่ให้มีเศษไข่และทำให้เนื้อไข่เนียนมากขึ้น |
| นำไข่ไปตีโดยใช้เครื่องตีราวๆ 5 นาที ให้ไข่ขึ้นฟู ใช้ความเร็วกลาง |
| เติมแป้งข้าวเจ้า และแป้งมัน ตะล่อมให้แป้งเข้ากันดี ปั่นต่ออีกไม่นานพอให้แป้งเข้ากันดีกับไข่ |
| ตั้งไฟในน้ำเชื่อมข้นให้เดือด ใช้ช้อนกาแฟตักขึ้นมาครึ่งช้อน ใช้นิ้วปาดลงไปต้มในน้ำเชื่อมให้สุก ให้ลอยขึ้นหน้าตักขึ้นแช่ในน้ำลอย |
| ทำจนหมดแป้ง ทำทีละน้อย ไม่ต้องมากอย่าให้แน่นกระทะ |
| พักทองหยอดให้เย็น จัดเสิร์ฟทองหยอด หวานนุ่มสวยๆ รูปหยดน้ำได้เลยค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
42. ทองหยิบ Pinched gold egg yolk
ทองหยิบ Pinched gold egg yolk รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำทำจากไข่แดงล้วน ๆ หยิบเป็นกลีบสวยงาม อร่อยล้ำ คำเดียวไม่เคยพอ อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก ใช้ไข่แดงตีจนขึ้นฟูแล้วเอาไปหยอดในน้ำเชื่อม ใช้มือหยิบจับจีบให้สวยงาม จะเป็น 3 4 หรือ 5 กลีบ อย่างประณีตสวยงาม แค่คิดก็อดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำทองหยิบ |
| – วิธีทำน้ำลอย |
| ใส่น้ำตาลทราย น้ำสะอาด และน้ำลอยดอกมะลิ (หรือกลิ่นมะลิ อย่าใส่มากเกินไปจะทำให้ขมได้) |
| ไม่ต้องคนค่อยๆ ให้น้ำตาลละลายเอง โดยใช้ไฟอ่อนๆ เดือดจากนั้นปิดไฟ เทใส่ถาดพักให้เย็น |
| – วิธีทำน้ำเชื่อมข้น |
| ใส่น้ำตาลทราย น้ำสะอาด และน้ำลอยดอกมะลิ ตั้งไฟกลาง ให้น้ำตาลทรายละลาย น้ำเชื่อมเดือดพล่าน |
| ปิดไฟ พักน้ำเชื่อมทิ้งไว้ให้เย็น |
| – วิธีทำทองหยิบ |
| นำไข่เป็ดและไข่ไก่มาแยกไข่แดงออกมาจากไข่ขาว โดยอย่าให้มีเศษไข่ขาวติดมาด้วย และกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อไม่ให้มีเศษไข่และทำให้เนื้อไข่เนียนมากขึ้น |
| นำไข่แดงที่กรองจากนั้นมาตีด้วยตะกร้อมือให้พอขึ้นฟูนิดหน่อย จากนั้นเตรียมนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อม |
| ให้ใช้ช้อนหยอดไข่ที่ตีเอาไว้ ยอดไข่ลงในน้ำเชื่อม โดยยกช้อนขึ้นให้ไข่ไหลเป็นสาย หยอดให้หมดในครั้งเดียว ไม่ควรหยอดซ้ำเพราะจะทำให้ไข่หนาและเป็นก้อน |
| หยอดไข่ให้ได้ขนาดใหญ่หว่าเหรียญสิบเล็กน้อย และหยอดแต่ละชิ้นให้ห่างกันเพื่อไม่ให้ไข่ติดกันค่ะ |
| เมื่อหยอดไข่เสร็จหลังจากนั้นให้เปิดไฟอ่อน ๆ เพื่อให้ไข่สุก เมื่อไข่มีสีเข้มขึ้นให้กลับไข่อีกด้านลงไปให้โดนน้ำเชื่อม ทำจนไข่สุกทั้งสองด้าน |
| ตักไข่ขึ้นจากน้ำเชื่อมร้อนจากนั้นไปพักในน้ำเชื่อมลอย เพื่อให้ไข่เย็นตัวลงและไล่ความหวานจากน้ำเชื่อมร้อนออกไป ก่อนนำมาจับจีบ |
| มื่อแช่ในน้ำเชื่อมเย็นแล้ว ให้ใช้มือจับจีบเป็น 3 และ 5 จีบ ก่อนนำไปใส่ในถ้วยตะไล แล้วทิ้งไว้เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเพื่อให้เซตตัว |
| เมื่อไข่เซตตัวหลังจากนั้นให้ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มออกจากถ้วยตะไล พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
43. ทับทิมกรอบ Water Chestnuts in Syrup and Coconut Milk
ทับทิมกรอบ Water Chestnuts in Syrup and Coconut Milk ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูขนมไทย หวานกรอบ หอมกะทิสดๆ คลายร้อน คลายเหนื่อย อร่อยจนคงทำ มงลงแน่นอน อากาศร้อนๆ รับสักถ้วยรับรอง อร่อย ชื่นอกชื่นใจมากๆ สูตรนี้เป็นสูตรง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยากเลยค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ แค่คิดก็อดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำทับทิมกรอบ |
| – วิธีทำตัวทับทิมกรอบ |
| หั่นแห้วเป็นเต๋าสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก จากนั้นนำไปล้าง 2-3 น้ำ |
| นำแห้วที่หั่นแล้วลงไปแช่ในสีผสมอาหารสีแดง 10- 15 นาทีเพื่อให้สีติดที่แห้ว |
| หลังจากแช่แห้วครบเวลา นำแห้วไปเทน้ำออก หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำ 2-3 รอบ |
| นำแห้วมาคลุกกับแป้งมัน ให้แป้งเคลือบตัวแห้วทั้งหมด จากนั้นร่อนแป้งส่วนเกินออก |
| ตั้งน้ำให้เดือดจัดๆ หลังจากนั้นใส่แป้งลงไปต้ม ให้ค่อยๆ โรยทีละนิดนะครับ จากนั้นก็ผสมให้แตกตัวออกจากกัน ไม่งั้นจะติดกันเป็นก้อนครับ หลังจากนั้นให้ต้มไปเรื่อยๆ จนแป้งลอยตัวขึ้นบนผิวน้ำ |
| หลังจากแป้งสุกให้ตัดแป้งไปแช่ในน้ำเย็นจัดทันที |
| – วิธีทำกะทิสำหรับทับทิมกรอบ |
| นำกะทิ น้ำตาลทราย เกลือ ใส่หม้อ ต่อจากนั้นนำไปตั้งไฟให้เดือด |
| สุดท้ายนำทับทิมกรอบใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ ก็พร้อมรับประทานหลังจากนั้น ทานให้อร่อยนะคะ |
44. ทับทิมกรอบชาววัง Thai Red Ruby in Coconut Milk
ทับทิมกรอบชาววัง Thai Red Ruby in Coconut Milk แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 44ขนมหวานอร่อยๆ เย็นๆ คลายร้อน ตัวทับทิมกรุบกรอบ ราดด้วยน้ำกะทิหอมๆ อร่อยมาก รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ เสน่ห์ของเม็ดทับทิมสีชมพูสด ใสกรุบกรอบ กินคู่กับน้ำกะทิอบควันเทียนหอม ๆ ใส่น้ำแข็งเกล็ดเย็น ๆ ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำทับทิมกรอบชาววัง |
| นำแห้วที่หั่นเสร็จจากนั้นไปแช่ในน้ำแดงราว 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ |
| นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จากนั้นค่อยนำไปต้มในน้ำเดือดจัดๆจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกจากนั้นจะลอยขึ้นเหนือน้ำ) |
| เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ |
| นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันดี จึงปิดไฟ |
| นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง ทานให้อร่อยนะคะ |
45. บัวลอยกุหลาบ Rice balls in sweet coconut milk
บัวลอยกุหลาบ Rice balls in sweet coconut milk รายการต่อไปที่รสรินทร์จะมาชวนทำจับบัวลอย เดิมๆ มาเติมสไตล์ชิคๆ เป็นดอกกุหลาบ เอาไปเสิร์ฟเป็นเมนูสุดวิจิตรได้เลยค่ะ รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ แป้งบัวลอยนุ่มเหนียวเคี้ยวหนึบ หนีบเป็นกลีบกุหลาบสวยงาม ต้มจนสุกราดน้ำกะทิสด อร่อยจนหยดสุดท้าย ลืมไม่ลง ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำบัวลอยกุหลาบ |
| – วิธีทำแป้งบัวลอย 5 สี |
| ทำแป้งบัวลอย โดยใส่แป้งข้าวเหนียว และแป้งมันลงในอ่างผสม ค่อย ๆ ใส่น้ำกะทิอุ่นลงไปทีละน้อย |
| ใช้มือนวดผสมแป้งและน้ำกะทิให้เข้ากันดี นวดจนได้แป้งจับตัวเป็นก้อนและปั้นได้ |
| แบ่งแป้งเป็น 5 ก้อนเท่า ๆ กันจากนั้นใส่สีผสมอาหารตามชอบ |
| เริ่มทำกุหลาบ โดยปั้นแป้งเป็นลูกกลมขนาด 1.5–2 เซนติเมตร |
| หลังจากนั้นใช้แหนบ (สำหรับหนีบช่อม่วง) จุ่มปลายด้วยแป้งนวลนิดหน่อย แล้วนำมาหนีบทำกลีบกุหลาบ เริ่มจากกลีบล่าง 5 กลีบไล่ขึ้นไป ให้กลีบแต่ละชั้นสับหว่างกัน (ตามคลิป) |
| เมื่อทำบัวลอยกุหลาบเสร็จหลังจากนั้นให้วางไว้บนถาดที่โรยแป้งนวลเพื่อไม่ให้แป้งติด ทำจนหมดครบทุกสี พักไว้ |
| ต้มบัวลอย โดยตั้งน้ำด้วยไฟกลางจนน้ำเดือด ใส่บัวลอยลงไปต้มจนสุก (สังเกตเมื่อบัวลอยสุกจะลอยขึ้นมา) รอให้บัวลอยลอยขึ้นมาสักพักเพื่อให้สุกถึงข้างในจึงตักขึ้น |
| นำบัวลอยที่ตักขึ้นมาแล้ว แช่ในอ่างน้ำเย็น แล้วพักไว้ในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ |
| – วิธีทำน้ำกะทิ |
| ทำน้ำกะทิราดบัวลอย โดยใส่กะทิ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ และเกลือลงในหม้อต้ม ยกขึ้นตั้งไฟกลาง คนจนส่วนผสมละลายผสมกันดี |
| ใส่ใบเตย ต่อจากนั้นหมั่นคนตลอดเวลาระหว่างต้ม เพื่อไม่ให้กะทิจับกันเป็นก้อนหรือแตกมัน |
| เมื่อกะทิเริ่มเดือด (แค่พอเดือดปุด ๆ ไม่ต้องเดือดพล่าน) ยกลงได้เลย จัดบัวลอยลงในชาม ราดด้วยน้ำกะทิ หลังจากนั้นจัดเสิร์ฟ ตอนร้อนๆ ทานให้อร่อยนะคะ |
46. บัวลอยเบญจรงค์ Thai Glutinous Rice Balls
บัวลอยเบญจรงค์ Thai Glutinous Rice Balls แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 46รสชาติหอมหวานมัน ละมุนลิ้น ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ รสรินทร์รับประกันความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะ สูตรนี้จะไม่ใส่สีผสมอาหารเลย แต่จะใช้เผือก, ฟักทอง, ใบเตย เอามาผสมกับแป้ง สังเกตดูจากเม็ดบัวลอยจะเห็นเนื้อเผือก เนื้อฟักทอง มาเป็นชิ้นเลย ไม่ได้ปั้นเป็นแป้งล้วนเหมือนที่เคยกินมา น้ำกะทิที่ใช้ราดจะมีเนื้อมะพร้าวมาด้วย ป็นกะทิล้วนไม่ผสมน้ำ หวานมันสะใจ แค่คิดก็อดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำบัวลอยเบญจรงค์ |
| นำแป้งข้าวเหนียวใส่ลงในภาชนะสำหรับผสม ถ้าทำประมาณ 8-10 ถ้วย ควรใช้แป้งประมาณ 500 กรัม ไม่ควรผสมหมดทั้ง 500 กรัม ควรเหลือแป้งไว้เล็กน้อย เผื่อเวลาผสมแป้งเหลวเกินไปจะได้เติมแป้งส่วนที่เหลือ นำแป้งนวดกับน้ำเปล่า นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน |
| แล้วแบ่งออกเป้นส่วนๆ เพื่อนำไปผสมเข้ากับสีของสมุนไพรต่างๆ ที่เตรียม โดยสีเหลือง มาจากฟักทอง ฟ้า อัญชัน เขียวใบเตย สีม่วงมาจากมันม่วง |
| แล้วปั้นแป้งเป้นเม็ดกลมเล็ก นำไปต้มจนแป้งสุกและลอยขึ้นมา ตักขึ้นมาใส่ชามที่มีน้ำพักไว้ |
| นำหัวกะทิใส่หม้อ และเติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย โดยอัตราส่วนราวๆ กะทิ 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน ตั้งไฟอ่อน เติมน้ำตาลปึกลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อน |
| ต้องมั่นคนเพราะอาจจะทำให้กะทิไหม้ได้ หลังจากนั้นใส่เกลือตามลงไปเล็กน้อย ต้มจนกะทิเดือดอ่อนๆ ทั่วทั้งหม้อ หลังจากนั้นก็ดับไฟ |
| เมื่อกะทิเดือดทั่วทั้งหม้อจึกตอกไข่ใส่ลงไป ต้มจนไข่สุกลอย |
| ถึงเวลาเสิร์ฟก็ตักบัวลอยและตามด้วยน้ำกะทิราดลงไป และตักไข่ตามลง ทานให้อร่อยนะคะ |
47. บัวลอยมังคุดมะพร้าวอ่อน Glutinous Rice Balls in Coconut Milk
บัวลอยมังคุดมะพร้าวอ่อน Glutinous Rice Balls in Coconut Milk คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปขนมบัวลอยร้อนๆ เม็ดบัวลอยรูปร่างมังคุด เหนียวนุ่มน่ารัก ททานคู่กับมะพร้าวอ่อน เข้ากันดี กะทิก็หอมจนอดใจไม่ไหว ใครได้ชิมต้องพากันหลงรัก สูตรนี้เป็นสูตรง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยากเลยค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ ขนมบัวลอย เป็นขนมหวานไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ แป้งเหนียวนุ่ม หอมหวานมันกะทิ เป็นอีกขนมหวานไทยอีกเมนูนึงที่ชอบทำทานอยู่เป็นประจำ แต่สมัยนี้เราสามารถปรับเปลี่ยน ประยุกต์จากบัวลอยธรรมดาๆเป็นบัวลอยให้มีสีสันและดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น ประยุกต์ วิธีปั้นลูกมังคุด 2 แบบ 2 สไตล์ในคลิปเดียวกัน ยิ่งทำให้ขนมบัวลอยดูมีสีสันน่ากินมากขึ้นไปอีกค่ะ แป้งนุ่ม รสชาติหอม หวาน มันกะทิ ใส่มะพร้าวอ่อนหั่นเส้นและน้ำมะพร้าวน้ำหอม ทำให้กะทิยิ่งหอมอร่อยมากไปอีก ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ
| วิธีทำบัวลอยมังคุดมะพร้าวอ่อน |
| ผสมแป้งส่วนแรกในอ่างผสม นวดให้ผสมกันดีจนเหนียว ไม่ติดมือ ได้แป้งสีขาว |
| ทำแป้งส่วนผสมเช่นเดียวกัน นวดน้ำใบเตยให้เข้ากัน เป็นแป้งส่วนสีเขียว |
| ทำแป้งส่วนผสมสุดท้ายเช่นเดียวกัน นวดแป้ง ผสมสีให้เข้ากันดีจนเหนียว เป็นแป้งส่วนม่วง |
| – วิธีปั้นแป้ง |
| ปั้นแป้งสีขาวเป็นลูกกลม จากนั้นหุ้มด้วยสีม่วง โดยการกดแผ่ออก คลึงให้ได้รูปรูปร่างสวยงาม |
| ใช้ไม้จิ้มฟันกดเป็นร่อง ของผลมังคุดให้เหมือนของจริง ทำให้หมด แป้งสีขาว และสีม่วง |
| จากนั้น ปั้นแป้งสีเขียวเป็นกลีบของมังคุดให้สวยงาม |
| – วิธีต้มแป้ง |
| นำบัวลอยไปต้มในน้ำเดือดจัดๆให้สุก เมื่อสุกแล้วบัวลอยจะลอยขึ้นมา |
| ตักพักขึ้นมา ผึ่งไว้ให้เย็น |
| – วิธีทำน้ำกะทิ |
| เทกะทิลงในกระทะ ตามด้วยใบเตย 1 มัดใช้ไฟกลางค่อนอ่อน ตักมังคุดที่พักไว้ลงไป |
| เมื่อกะทิเดือดดีจากนั้น ปิดไฟ โรยมะพร้าวอ่อน |
| ตักใส่ถ้วยสวยๆ บัวลอยมังคุดมะพร้าวอ่อนก็พร้อมเสิร์ฟจากนั้นค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
48. บัวลอยมันม่วง Thai Glutinous Rice Balls
บัวลอยมันม่วง Thai Glutinous Rice Balls ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูขนมไทยที่มีประโยชน์มากมาย อร่อยหวานละมุนลิ้น ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ ความอร่อยระดับมิชิลินสตาร์ แต่ความยากระดับบ้านๆ สูตรนี้จะไม่ใส่สีผสมอาหารเลย แต่จะใช้มันม่วงญี่ปุ่น อันอุดมด้วยสานอาหาร เอามาผสมกับแป้ง สังเกตดูจากเม็ดบัวลอยจะเห็นเนื้อเผือก เนื้อฟักทอง มาเป็นชิ้นเลย ไม่ได้ปั้นเป็นแป้งล้วนเหมือนที่เคยกินมา น้ำกะทิที่ใช้ราด เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้
| วิธีทำบัวลอยมันม่วง |
| ผสมแป้งข้าวเหนียว มันญี่ปุ่น และน้ำร้อนเข้าด้วยกันนวดจนเนียน สามารถปั้นเป็นก้อนได้ |
| ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ครึ่ง เซนติเมตรโรยแป้งนวลนิดหน่อย (เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน) |
| ต้มน้ำเปล่าพอเดือด นำเม็ดแป้งลงต้มจนสุกลอยขึ้นมา ตักขึ้นนำไปแช่ในน้ำเย็น พอคลายความร้อน ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ |
| ใส่กะทิความเข้มข้นปานกลางลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟพอร้อน |
| ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือป่น เนื้อมะพร้าวเผา และใบเตย ต้มพอเดือด เติมหัวกะทิ |
| ส่แป้งบัวลอยลงในหม้อ คนให้เข้ากันดี พอเดือดนิดหน่อย ยกลงตักใส่ถ้วยจัดเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
49. บุหลันดั้นเมฆ Thai Steamed Rice Cakes
บุหลันดั้นเมฆ Thai Steamed Rice Cakes อันดับที่ 49 อร่อยกับขนมโบราณรูปร่าง สีสันน่าตาน่าทาน หวานหอมกำลังดี รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ขนมสีฟ้าส่วนตรงกลางเป็นสีเหลือง คล้ายๆ พระจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า “บุหลันดั้นเมฆ” มีความหมายโดยรวมว่าพระจันทร์ที่ลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ เป็นขนมเสี่ยงทายของคนสมัยก่อน เกี่ยวกับหน้าที่การงาน หากใครหยอดสีเหลืองตรงกลาง นึ่งแล้วออกมาเป็นรูปดวงจันทร์ที่สวยงามแสดงว่าโชคดี หากนึ่งออกมาแล้วไม่สวยถือว่าโชคไม่ดีนั่นเอง ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ
| วิธีทำบุหลันดั้นเมฆ |
| – เตรียมนึ่งถ้วยตะไล |
| ใส่น้ำในลังถึง ราวๆ ครึ่ง ของลังถึง ต้มจนน้ำเริ่มเดือด นำถ้วยตะไลเรียงกระจายลงในลังถึง ปิดฝา นึ่งราวๆ 10 นาทีจนถ้วยตะไลร้อนมาก ๆ เตรียมไว้ |
| นำแป้งข้าวเจ้า และแป้งเท้ายายม่อมมาผสมรวมให้เข้ากัน ทยอยเติมน้ำอัญชันลงไป ผสมให้แป้งไม่เป็นเม็ด เทน้ำตาลทราย และกลิ่นมะลิลงไป ผสมให้วัตถุดิบทุกอย่างละลายเข้ากัน |
| ในอ่างผสมเล็ก ใส่ไข่แดงที่เตรียมไว้ลงไป ตีให้เข้ากันดีต่อจากนั้นพักไว้ก่อน |
| – นึ่งขนม |
| ตักน้ำแป้งที่เตรียมไว้หยอดลงในถ้วยตะไลที่ร้อนจัด ราวๆ สามส่วนสี่ ของถ้วยตะไล นำไปนึ่งด้วยไฟแรง ราวๆ 7 – 10 นาที |
| นําไข่แดงหยอดลงตรงรอยยุบตรงกลางให้เต็ม นึ่งต่อ 3 – 5 นาที |
| -จัดเสิร์ฟ |
| เมื่อนึ่งจนบุหลันดั้นเมฆสุก ให้นำขนมทั้งถ้วยมาหล่อน้ําเย็นไว้ เมื่อถ้วยตะไลหายร้อนหลังจากนั้น แคะขนมออกจากถ้วย |
| นำบุหลันดั้นเมฆที่แคะไว้หลังจากนั้นมาจัดเสิร์ฟใส่จานที่รองด้วยใบตอง เพียงเท่านี้ “บุหลันดั้นเมฆ” แสนอร่อยหลังจากนั้นค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
50. ฝอยทอง Gold Threads
ฝอยทอง Gold Threads แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 50เส้นสีทองยาว นอกจากรสชาติหวานอร่อยแล้ว ยังนิยมเสิร์ฟในงานมงคลสมรส มีลักษณะเป็นเส้นยาว สื่อถึงการครองชีวิตคู่ และรักกันยั่งยืนยาวนาน อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ ความอร่อยม๊ากมาก กอไก่ล้านตัว ทำจากไข่แดงของไข่เป็ด เคี่ยวในน้ำเดือดและน้ำตาลทราย หนึ่งในขนมขึ้นชื่อของขนมตระกูลทอง ที่นิยมใช้ในงานพิธีมงคลต่างๆอย่างแพร่หลายตลอดทั้งปี เนื่องจากเชื่อกันว่าจะเป็นการนำพาเงินทองมาสู่ผู้ประกอบพิธี ของอร่อยอย่างนี้ต้องห้ามพลาด
| วิธีทำฝอยทอง |
| ตอกไข่เป็ดทีละฟอง ลงในอ่างผสม เพือตรวจสอบไม่ให้มีใบใดใบหนึ่งเน่า แยกไว้เฉพาะไข่แดง |
| เก็บน้ำค้างไข่เก็บแยกไว้ หรือน้ำต้อยไข่ เพื่อนำไปผสมกับไข่แดงเพื่อลดความข้นหนืด ไข่แดงเวลาโรยจะไม่ขาดสาย |
| กรองไข่แดงด้วยผ้าขาวบาง ปราศจากเยื่อไข่ขาว ทำให้ครบทั้ง 20 ฟอง |
| ผสมน้ำต้อยไข่ หรือไข่น้ำค้างทีละนิดลงในไข่แดง คนผสมทีละนิด ยกคนดูตรวจสอบความหนืด |
| เมื่อได้ความหนืดที่ต้องการจากนั้น ใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยเพื่อให้ขึ้นเงา ไหลไม่ขาดสาย |
| – วิธีต้มน้ำเชื่อม |
| ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำและน้ำตาลทราย หยดกลิ่นมะลิ จะน้ำเดือด เป็นน้ำผุดตรงกลาง |
| โรยเส้นฝอยทองโดย ใช้ที่โรยหากไม่มีใช้กรวยใบตอง วนจนได้เส้นความหนาสาเหตุที่ต้องการ |
| พอเส้นฝอยทองสุกจากนั้น สอยเว้นฝอยทองขึ้นมาเรียง ยกขึ้นจนเป็นแพสวยงาม |
| นำมาสะเด็ดน้ำเชื่อม ให้เย็น ทำจนไข่ที่จัดเตรียมไว้หมด จัดเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
51. มรกตกรอบ Thai emerald in coconut milk
มรกตกรอบ Thai emerald in coconut milk อันดับที่ 51 อร่อยกับสูตรนี้แทนที่มับทิม กรอบสูตรเดิมๆ ด้วยสีเขียว ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ กลิ่นและรสชาติแปลกใหม่ ด้วยสีเขียว แต่อร่อยด้วยมะพร้วคั้นสดๆ เหมือนดิม เพิ่มเติมคือมีมะพร้าวอ่อน เคี้ยวกรุบๆ อร่อยเพิ่มอรรถรส ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ ความอร่อยระดับมิชิลินสตาร์ แต่ความยากระดับบ้านๆ ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำมรกตกรอบ |
| หาดอกมะลิมาลอยน้ำทิ้งไว้ น้ำที่เราจะเอาไปต้มน้ำเชื่อม จะได้หอมๆสดชื่น |
| กะทิ1กล่อง หรือ กะทิสด 500 กรัม ใส่เกลือลงไปครึ่งช้อนโต๊ะ+ใบเตยมัดปม เอาไปตั้งไฟพอให้ร้อนๆก็พอ |
| หาซื้อเทียนที่ใช้อบขนมนะ วงละ10บาทเอง เอามาจุดไฟต่อจากนั้นเป่าให้ดับ ก็จะได้ควันหอมๆ |
| หาถ้วยเล็กๆ เอาเทียนที่ดับแล้วใส่ลงไป แล้วรีบๆปิดฝาหม้อ ทิ้งไว้ ซัก30 นาที ก็เอาเทียนมาจุดใหม่ เป่าให้ดับก็ลงอบต่อไปอีก ทำแบบนี้เรื่อยๆ ยิ่งนานยิ่งดี |
| ซื้อแห้วกระป๋องมา แห้วสดๆก็ยิ่งดี(เพราะราคาถูกกว่ากระป๋อง) แต่แบบกระป๋องจะหอมหวานกว่าเพราะเค้าแช่ในน้ำเชื่อมมาจากนั้น บางคนก็ใช้มันแกว แต่จะไม่อร่อยเท่าแห้วหรอก มันแกวนานๆไปจะแห้ง ความกรอบก็สู้แห้วไม่ได้ |
| เอาน้ำเปล่า เหยาะสีแดง หรือสีเขียว ลงไป เทแห้วลงหมดเลย คลุกให้เข้ากันพักไว้ ให้สีที่ตัวแห้วอิ่มตัวดีๆ อยากแดงมากก็ทิ้งนานๆ แดงน้อยก็ทิ้งแป๊บเดียว |
| เทแห้วลงแป้งมัน บางคนก็ใส่แป้งท้าวลงไปนิดนึง คลุกให้แป้งเคลือบดี ร่อนแป้งออกด้วย |
| นำไปลวกในน้ำร้อนมาก พอแห้วลอยขึ้นมาก็ได้ที่แล้ว ตักใส่น้ำเย็นพักไว้ |
| เอาน้ำตาลทรายไม่กัดสีมาต้มในน้ำลอยดอกมะลิเมื่อตะกี้นะ เคี่ยวให้เหนียวหน่อยๆ ใส่ใบเตยลงไปด้วยจะได้หอมๆ ทานให้อร่อยนะคะ |
52. เม็ดขนุน Golden Bean Paste
เม็ดขนุน Golden Bean Paste แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 52ถั่วกวนหวานนุ่ม หอมกรุ่นด้วยกะทิ เข้ากันดีกับไข่และน้ำเชื่อม ลิ้มลองแล้วละลายในปาก รับรองใครมาชิมต้องติดใจ ขนมหน้าตาคล้ายเม็ดของขนุนที่เป็นผลไม้ ซึ่งขนมชนิดนี้มีส่วนผสมหลัก คือ ถั่วเขียวเลาะเปลือก ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย เม็ดขนุน ยังนับเป็นหนึ่งในขนมที่นิยมทำกันในงานมงคล เพราะมีเสียงพ้องกับคำว่า “หนุน” หรือ “เกื้อหนุน” ซึ่งมีความหมายเป็นมงคลอย่างยิ่ง แค่คิดก็อดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำเม็ดขนุน |
| – ทำถั่วกวน |
| เทถั่วเขียวนึ่งและบดเรียบร้อยแล้วลงในกระทะ ตามด้วยน้ำตาลทราย (สำหรับทำไส้ถั่ว) และกะทิลงไป ผัดด้วยไฟกลางจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันและแห้งดีแล้วปิดเตา |
| นวดขนมอีกครั้งจนกระทั่งก้อนต่อจากนั้นพักไว้รอให้อุ่น ๆ ต่อจากนั้นปั้นขนมเป็นก้อน ๆให้มีลักษณะเหมือนเม็ดขนุน |
| – ทำน้ำเชื่อมข้น |
| ใส่น้ำ น้ำตาลทราย (สำหรับทำน้ำเชื่อม) ใบเตยมัด และกลิ่นมะลิลงในกะทะทองเหลือง หรือภาชนะก้นลึกที่สามารถตั้งไฟได้ เคี่ยวน้ำเชื่อมจนเหนียวเป็นยางมะตูมจากนั้นปิดไฟ |
| – ประกอบร่างเม็ดขนุน |
| ตีไข่แดงให้พอแตก นำแป้งที่ปั้นเป็นเม็ดขนุนลงไปชุบไข่แดงให้ทั่ว แล้วหยอดลงไปในหม้อน้ำเชื่อจนหมด |
| เสร็จจากนั้นจึงนำน้ำเชื่อมกลับไปตั้งไฟ โดยใช้ไฟอ่อนอีกครั้ง ขั้นตอนนี้จะต้องให้น้ำเชื่อมนิ่งไม่มีการเดือดใด ๆ |
| เมื่อขนมสุกแล้วก็ใช้กระชอนตักขึ้นมาเสิร์ฟในจาน |
| ทานให้อร่อยนะคะ |
53. รวมมิตรกะทิสด Thai Iced Dessert
รวมมิตรกะทิสด Thai Iced Dessert ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอใส่ขนมไทยหลายอย่าง สวยงามบาดตาบาดใจ เคี้ยวนุ่มละมุนทุกคำ เติมน้ำแข็งก็อร่อยสดชื่น รับรองใครมาชิมต้องติดใจ เพื่อนๆสามารถทำตามได้เลยค่ะ วิธีทำเป็นขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย ขนมหวานไทยที่ขายดีในช่วงหน้าร้อน แต่ในปัจจุบันสามารถขายได้ทุกฤดูกาล เพราะมีสีสันที่สวยงาม เนื้อขนมรวมมิตรที่มีลักษณะกรุบ ๆ มีรสหวานหอมจากน้ำเชื่อมกลิ่นใบเตย ใส่ครองแครง ลอดช่อง และสาคู มาพร้อมวิธีทำน้ำกะทิ สามารถใส่ท็อปปิ้งได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด เฉาก๊วย ขนุน วุ้นมะพร้าว หรือทับทิมกรอบ ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำรวมมิตรกะทิสด |
| – ขั้นตอนการทำแป้ง |
| เริ่มจากทำแป้งโดยการ ตั้งกระทะไฟแรง ทำแป้งขนมโดยต้มน้ำให้เดือด |
| หลังแล้วนำน้ำร้อนที่ได้ทยอยเทลงในแป้งมัน ผสมให้แป้งจับตัวเป็นก้อน |
| พอเริ่มจับตัวให้นวดจนแป้งเนียน |
| นำแป้งแบ่งเป็นสีตามที่จะใส่ (ตามชอบ) จากที่ทำแบ่งเป็น 4 ส่วน สำหรับ 4 สีค่ะ |
| นำสีหยดลงในถ้วย ผสมน้ำเล็กน้อย (ปริมาณความเข้มของสีตามชอบค่ะ) จากนั้นผสมให้เข้ากันดี |
| นำสีที่ได้เทใส่ลงในแป้งที่แบ่งไว้จากนั้นนวดให้เข้ากัน โดยทำทีละสี ทำแบบนี้จนครบตามที่แบ่งแป้งไว้ |
| หลังแล้วแบ่งแป้งแต่ละสีออกเป็น 2 ส่วน เพื่อทำครองแครงและลอดช่อง |
| ปั้นแป้งที่แบ่งไว้เป็นครองแครง |
| คลึงแป้งส่วนที่เหลือเป็นแผ่นบาง ๆ ตัดเป็นชิ้นตามยาวขนาดกว้างประมาณ 2 นิ้วนำมาช้อนกัน จากนั้นตัดเป็นชิ้นยาวขนาดเล็กตามภาพเพื่อทำลอดช่อง เมื่อทำครองแครงและลอดช่องเสร็จครบทุกสีจากนั้น หาผ้าคลุมจากนั้นพักไว้สักครู่ |
| ต้มน้ำให้เดือด (น้ำส่วนนี้ไม่มีในส่วนผสมค่ะ) เมื่อเดือดหลังจากนั้นให้ใส่สาคูลงไปต้มให้สุก หลังจากนั้นพักไว้ในน้ำเย็น |
| นำน้ำใส่หม้อต่อจากนั้นต้มน้ำให้เดือด หลังหลังจากนั้นต้มครองแครงให้สุก ต่อจากนั้นตักขึ้นพักในน้ำเย็น และต้มลอดช่องให้สุก ต่อจากนั้นพักในน้ำเย็นเช่นกัน |
| – ขั้นตอนการกะทิ |
| ทำกะทิโดยนำกะทิ น้ำเปล่า น้ำตาลทราย และเกลือใส่ลงหม้อ ผสมให้เข้ากันดี แล้วนำตั้งไฟอ่อนแค่พอเดือดปุด ๆ ที่ขอบหม้อ แล้วปิดไฟ นำขึ้นพักให้เย็น |
| ใส่สาคู ครองแครง และลอดช่องลงในน้ำกะทิ ตามด้วยท็อปปิ้งต่าง ๆ ที่จัดเตรียมไว้ใส่ลงไป ถ้ามีขนุนใส่ลงไปด้วยจะยิ่งหอมค่ะ |
| ตักเสิร์ฟเลย หรือจะใส่น้ำแข็งก็อร่อยชื่นใจค่ะ |
| ทานให้อร่อยนะคะ |
54. โรลบ้าบิ่น 3colors Coconut roll
โรลบ้าบิ่น 3colors Coconut roll ลำดับต่อไปที่แอดรินทร์ตภูมิใจนำเสนอหวานหอม มัน อร่อย กรุบกรอบด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ เพื่อนๆสามารถ ทำตามได้ง่ายๆเลยค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ รสหอมละมุนของมะพร้าวและกะทิเข้ากันได้อย่างลงตัว เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มกำลังดี ยิ่งทานตอนอุ่นๆรับรองต้องติดใจ แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำโรลบ้าบิ่น |
| ผสมแป้งข้าวเหนียว กับน้ำตาลทราย เกลือ ให้เข้าด้วยกัน |
| จากนั้นผสมส่วนที่เป็นส่วนของเหลว กะทิ (น้ำใบเตย) ผสมให้แป้งเข้ากันจนหนืด |
| ต่อจากนั้นผสมเนื้อมะพร้าวทึนทึก หรือ มะพร้าวอ่อน เพื่อเพิ่มความอร่อย |
| นำไปจี่โดย หยอดแป้งรสตามชอบ ลงบนกระทะไฟกลางค่อนอ่อน สัก 1 ทัพพี |
| แผ่ออกบางๆ ค่อยๆจี่ให้สุกทั้งสองด้าน เริ่มม้วน หรือจะสอดไส้เป็นไส้ข้าวโพดก็ได้ |
| พักให้ขนมบ้าบิ่นเย็นลง พร้อมเสิร์ฟ |
55. ลอดช่องสองสี Cendol
ลอดช่องสองสี Cendol แอดรินจะนำเสนอเมนูที่ 55รสชาติหอม หวาน ชื่นใจ ทานคู่ แตงไทย กะทิสดๆ รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ รสรินทร์รับประกันความประทับใจค่ะ ลอดช่องสองสี เส้นสด เหนียวนุ่ม หวานเย็นชื่นใจกันถ้วนหน้า ทานกับกะทิสดๆ แตงไทยหวานหอมเย็นชื่นใจ ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ
| วิธีทำลอดช่องสองสี |
| – วิธีทำน้ำกะทิสด |
| ในกระทะ ตั้งไฟอ่อน ใส่หัวกะทิ น้ำตาลตโนด เกลือ และใบเตยลงไป 1 มัด |
| ค่อยๆ คนจนน้ำตาลตโนดละลายดี กะทิเดือด ยกลงทันทีอย่าให้แตกมัน พักให้เย็น |
| กรองเอาใบเตยออก ใส่หม้ออะลูมิเนียม อบควันเทียน 3 ครั้ง (ครั้งละ 30 นาที) |
| – วิธีทำแป้งลอดช่องฟักทอง |
| นำฟักทองลงต้มจนสุก บด หรือปั่นจนกระทั่งละเอียด |
| ในอ่างผสม ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งถั่วเขียว และฟักทอง นวดให้ผสมกันดี |
| ผสมน้ำปูนใสลงในแป้ง คนให้ละลายละลายเข้ากัน แป้งคลาย |
| นำลงเคี่ยวในกระทะ ไฟอ่อน จนแป้งสุก และเนื้อใส |
| ใส่พิมพ์ลอดช่อง ได้ลอดช่องฟักทองสีเหลืองสด |
| – วิธีทำแป้งลอดช่องใบเตย |
| ปั่นใบเตย และน้ำปูนใส กรองให้ได้แต่น้ำใบเตยเข้มข้น |
| ในอ่างผสม ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งถั่วเขียว และน้ำใบเตย นวดให้เข้ากัน |
| นำลงเคี่ยวในกระทะ ไฟอ่อน จนแป้งสุก และเนื้อใส |
| ใส่พิมพ์ลอดช่อง ได้ลอดช่องใบเตยสีเขียวสดใส |
| – วิธีการจัดเสิร์ฟลอดช่องสองสี |
| หั่นแตงไทยเป็นชิ้นๆ พอดีคำ |
| ตักแป้งลอดช่องใบเตย และ ลอดช่องฟักทองใส่ชาม ตักกะทิสดลงไป ตามด้วยแตงไทย |
| เพิ่มเติมความสดชื่นด้วยน้ำแข็งทุบ พร้อมเสิร์ฟความสดชื่น ทานให้อร่อยนะคะ |
56. ลอดช่องสิงคโปร์ Cendol
ลอดช่องสิงคโปร์ Cendol คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปหอมหวานสดชื่น พร้อมเทคนิคทำเส้นไม่อืด เหนียวหนึบนาน รับรองใครมาชิมต้องติดใจ สูตรนี้เป็นสูตรง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยากเลยค่ะ แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก เส้นลอดช่องเหนียวหนึบ นุ่ม เคี้ยวมันดี ทำมาจากแป้งมันสำปะหลังผสมใบเตย สำหรับกะทิก็คั้นเองสดๆ เข้มข้น หอมมัน ส่วนน้ำเชื่อมก็ไม่หวานมากจนเกินไป รวมถึงยังมีขนุนโรยอยู่ด้านบนเพิ่มความอร่อยด้วย แค่คิดก็อดใจไม่ไหวแล้ว
| วิธีทำลอดช่องสิงคโปร์ |
| นำใบเตยล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วค่อยนำไปปั่น เติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย ปั่นจนเป็นละเอียดดี แล้วนำมากรองเอาแต่น้ำ พักไว้ |
| นำน้ำตาลทราย น้ำเปล่า และใบเตยเพื่อเพิ่มความหอม ไปตั้งไฟ ใช้ไฟกลางค่อนไปแรง เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำตาลละลายเข้ากันดี ใบเตยส่งกลิ่นหอม จากนั้นลดไฟให้อ่อนลง เคี่ยวต่ออีก 5-10 นาที จากนั้นนำไปพักให้เย็น |
| เทกะทิถุงพาสเจอร์ไรส์ เกลือ และนำไปตั้งไฟด้วยไฟกลางค่อนอ่อน หมั่นคนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน พอกะทิร้อนมากให้ยกขึ้นจากเตาพักไว้ |
| นำน้ำใบเตยที่คั้นไว้ในตอนแรกมาตั้งไฟให้เดือด แล้วนำมาผสมกับแป้งมันทันที ค่อยๆ ใส่น้ำลงไปทีละนิด นวดแป้งให้เข้ากับน้ำใบเตยดี ใช้เวลาประมาณ 10 นาที |
| แล้วนำแป้งที่นวดได้ที่ มาคลึงให้แบน ตัดจนเป็นเส้นๆ ขนาดตามชอบ นำไปต้มในน้ำเดือดจัด ต้มจนสุกดี สังเกตว่าเส้นเริ่มใส ถือว่าใช้ได้ ช้อนมาใส่ในน้ำเย็นจัด ล้างหลายๆ น้ำให้แป้งสะอาดดี ตักพักไว้ในชาม |
| ตักน้ำเชื่อมที่ต้มไว้ผสมในชามแป้งลอดช่องเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แป้งอืดและดูดน้ำเข้าไปเพิ่ม |
| ตักเสิร์ฟ เริ่มด้วยขนุน เส้นลอดช่อง น้ำเชื่อม หัวกะทิเคี่ยว น้ำแข็ง ท็อปปิ้งด้วยวุ้นมะพร้าว ตามชอบ ทานให้อร่อยนะคะ |
57. ลูกชุบ Kanom Look Choup
ลูกชุบ Kanom Look Choup คือเมนูยั่วๆลำดับถัดไปมีรสชาติของถั่ว หวานนิดๆ เปลือกที่เป็นวุ้นนั้นก็ให้รสสัมผัสกรึบกรับ อร่อยตั้งแต่รูปร่าง ยันรสชาติ อร่อยเด็ด รสชาติไม่เป็นสองรองใคร ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ ขนมนี้มีความสนุก โดยจับถั่วกวนปั้นเป็นรูปผักหรือผลไม้ แล้วชุบน้ำวุ้นจนเซตตัว เหมาะสำหรับทำกันในครอบครัวมากเลยค่ะ ความอร่อยของสูตรนี้เอาไปเลยค่ะ ระดับมิชิลินสตาร์ เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่ใครๆ ก็ชอบทาน อีกทั้งปัจจุบันขนมลูกชุบก็เป็นที่นิยมมากๆ ทั้งเป็นขนมไทยสร้างรายได้ เริ่มมีขนมลูกชุบรูปทรงต่างๆ โดยลูกชุบ เป็นขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมโปรตุเกส มีชื่อเรียกว่า Massapa’es ซึ่งทำมาจากเม็ดอัลมอนด์บด เมนูนี้อาจเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของเพื่อนๆก็ได้
| วิธีทำลูกชุบ |
| นำถั่วเขียวเลาะเปลือก น้ำตาลทราย กะทิ มาปั่นรวมกัน |
| ตั้งกระทะหลังจากนั้นเทส่วนผสมที่ปั่นเสร็จเรียบร้อยหลังจากนั้นลงไป เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนสามารถปั้นได้ |
| เตรียมสีผสมอาหาร นำส่วนผสมขนมมาปั้นเป็นรูปทรงตามความชอบ เมื่อปั้นเสร็จเรียบร้อยให้เสียบไม้พักทิ้งไว้ก่อน |
| หลังจากนั้นให้นำขนมไปจุ่มสีผสมอาหารตามความชอบได้เลย และพักไว้รอแห้ง |
| เสร็จเรียบร้อยให้นำขนมมาชุบกับวุ้นเพื่อให้ขนมขึ้นเงาสวยงามน่าทาน เพียงเท่านี้ขนมลูกชุบสีสวยก็พร้อมทานแล้วค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
58. วุ้นกรอบ Crispy Jelly
วุ้นกรอบ Crispy Jelly อันดับที่ 58 อร่อยกับเพียงจับน้ำวุ้นผสมแป้งและเติมสีผสมอาหาร หยอดใส่พิมพ์ ก็ได้วุ่นกรอบ หวาน หอมอร่อย รับรองใครมาชิมต้องติดใจ ถ้าเพื่อนๆทำตาม วิธีทำตามลำดับ รับรองอร่อยแน่นอนค่ะ แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก กรรมวิธีการทำวุ้นกรอบไม่ยุ่งยากมีส่วนผสมในการทำที่หาซื้อได้ง่าย และปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ เหมาะกับการทำเป็นขนมในงานปาร์ตี้ หรือมอบให้ในโอกาสพิเศษต่างๆ แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว
| วิธีทำวุ้นกรอบ |
| แช่ผงวุ้นในน้ำเปล่า ผสมให้เข้ากันดีจากนั้นพักไว้สัก 10 นาที ให้ผงวุ้นอิ่มน้ำ |
| ใส่น้ำประมาณ 1 ช้อนโจ๊ะลงไปในแป้งเท้ายายม่อมที่เตรียมไว้ ผสมให้ละลาย |
| พอครบ 10 นาทีเริ่มต้มวุ้น โดยเปิดไฟกลาง สามารถใช้กลิ่นมะลิ หรือน้ำลอยดอกมะลได้เช่นกันค่ะ |
| คนไปเรื่อยๆ จนกว่าวุ้นจะละลายดี ใส่น้ำตาลทรายลงไป เคี่ยวไปจนกว่าน้ำตาลจะละลาย จากนั้นตักใบเตยขึ้น |
| หรีไฟใส่แป้งเท้าวยายม่อม โดยต้องคนตลอดเวลา แป้งสุกเข้ากันดีดีปิดไฟ |
| เทวุ้นลงไปในพิมพ์กล่องพลาสติกใส หยดสีลงไป ใช้ไม้จิ้มฟันเกลี่ยสีตามชอบ พักไว้ให้เซตตัวประมาณ 1 ชั่วโมง แกะออกจากพิมพ์ |
| ตัดวุ้นเป็นรูปร่างสาเหตุที่การ หรือใช้พิมพ์คุกกี้กด เป็นรูปร่างน่ารักๆ |
| นำวุ้นที่ได้ไปตากแดด โดยคลุมผ้าขาวบางไว้ด้วย ตากราว 4-5 แดด หรือจนกว่า ผิวด้านนอกตัววุ้นขึ้นเกล็ดน้ำตาล |
| เก็บวุ้นใส่ขวดโหลน่ารัก เก็บไว้รับประทานได้นานค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
59. วุ้นกรอบวาเลนไทม์ Crispy Jelly
วุ้นกรอบวาเลนไทม์ Crispy Jelly ลำดับถัดรสรินทร์ตจะนำเสนอเมนูจเพียงับน้ำวุ้นผสมแป้งและเติมสีผสมอาหาร หยอดใส่พิมพ์ ก็ได้วุ่นกรอบ หวาน หอมอร่อย ใครได้ชิมต้องพากันหลงรัก วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ รสรินทร์รับประกันความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะ กรรมวิธีการทำวุ้นกรอบไม่ยุ่งยากมีส่วนผสมในการทำที่หาซื้อได้ง่าย และปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ เหมาะกับการทำเป็นขนมในงานปาร์ตี้ หรือมอบให้ในโอกาสพิเศษต่างๆ นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำวุ้นกรอบวาเลนไทม์ |
| แช่ผงวุ้นในน้ำเปล่า คนจนกว่าจะเข้ากันต่อจากนั้นพักไว้สัก 10 นาที ให้ผงวุ้นอิ่มน้ำ |
| ใส่น้ำประมาณ 1 ช้อนโจ๊ะลงไปในแป้งเท้ายายม่อมที่เตรียมไว้ คนให้ละลาย |
| พอครบ 10 นาทีเริ่มต้มวุ้น โดยเปิดไฟกลาง ใส่ใบเตยลงไป 1 มัด สามารถใช้กลิ่นใบเตย หรือมะลิได้เช่นกันค่ะ |
| คนไปเรื่อยๆ จนกว่าวุ้นจะละลายดี ใส่น้ำตาลทรายลงไป เคี่ยวไปจนกว่าน้ำตาลจะละลาย จากนั้นตักใบเตยขึ้น |
| หรีไฟใส่แป้งเท้าวยายม่อม โดยต้องคนตลอดเวลา แป้งสุกผสมกันดีดีปิดไฟ |
| กรองวุ้น แล้วหยอดน้ำหวานเฮลบลูบอยสีแดง เพิ่มเสริมรส สี และกลิ่น หยดสีผสมอาหารสีชมพู 3-4 หยด |
| เทลงในพิมพ์กุกลาบ พักไว้ให้เซตตัวประมาณ 30 นาที แกะออกมาจากพิมพ์ |
| นำวุ้นที่ได้ไปตากแดด โดยคลุมผ้าขาวบางไว้ด้วย ตากราว 4-5 แดด หรือจนกว่า ผิวด้านนอกตัววุ้นขึ้นเกล็ดน้ำตาล |
| เก็บวุ้นใส่ขวดโหลน่ารัก เก็บไว้รับประทานได้นานค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ |
60. วุ้นลูกชุบ Woon Look Choup
วุ้นลูกชุบ Woon Look Choup อันดับที่ 60 อร่อยกับมีรสชาติของถั่ว หวานนิดๆ เปลือกที่เป็นวุ้นนั้นก็ให้รสสัมผัสกรึบกรับ มาในวุ้นหวานฉ่ำ ที่มีความกรอบอร่อยละมส่วนผสมสำหรับทำไส้ถั่วกวน ใครมากชิมก็ต้องยกนิ้วให้ ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก ขนมนี้มีความสนุก โดยจับถั่วกวนปั้นเป็นรูปผักหรือผลไม้ แล้วชุบน้ำวุ้นจนเซตตัว เหมาะสำหรับทำกันในครอบครัวมากเลยค่ะ แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก เป็นอีกหนึ่งเมนูขนมไทยที่ใครๆ ก็ชอบทาน อีกทั้งปัจจุบันขนมลูกชุบก็เป็นที่นิยมมากๆ ทั้งเป็นขนมไทยสร้างรายได้ เริ่มมีขนมลูกชุบรูปทรงต่างๆ โดยลูกชุบ เป็นขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากขนมโปรตุเกส มีชื่อเรียกว่า Massapa’es ซึ่งทำมาจากเม็ดอัลมอนด์บด นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที
| วิธีทำวุ้นลูกชุบ |
| -เริ่มทำไส้ถั่วกวน |
| เริ่มด้วยทำตัวลูกชุบ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญหลักขององค์ประกอบวุ้นลูกชุบ โดยให้นำถั่วเขียวเลาะเปือกล้างทำความสะอาดจนกว่าสีของน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีใสสะอาด แนะนำให้ล้างราวๆ 6-7 รอบ เพื่อความชัวร์ว่าถั่วเขียวจะสะอาดจริง |
| เพื่อทำให้ถั่วเขียวนิ่มขึ้น ให้แช่ถั่วเขียวเลาะเปลือกกับน้ำทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง จนถั่วเขียวอิ่มน้ำ แต่หากรู้สึกว่ายังนิ่มไม่มากพอให้แช่ตอนไปอีกเรื่อยๆ |
| นำถั่วเขียวที่แช่จนนิ่มแล้ว นำไปล้างทำความสะอาดและนำไปใส่ในหม้อนึ่ง โดยเว้นรูกึ่งกลางเพื่อให้มีรูระบายอากาศออก นึ่งนานราว 15-20 นาที ด้วยไฟกลางจนกระทั่งเป็นถั่วเขียวสุก |
| นำถั่วเขียวนึ่งสุกที่นิ่มหลังจากนั้นไปปั่น โดยให้แบ่งปันหลายๆ รอบ เพื่อให้ถั่วกวนละเอียด ตามด้วยใส่น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง และเกลือป่น 1/4 ช้อนชา หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง พร้อมกับปั่นส่วนผสมทั้งหมด ให้เข้ากันอย่างละเอียด |
| เมื่อไส้ละเอียดเนียนจนกระทั่งเนื้อเดียวกันจากนั้น ให้เทส่วนผสมทั้งหมดลงในกะทะด้วยไฟอ่อนๆ และหมั่นกวนไส้เรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง จนรู้สึกว่าเนื้อเนียนละลายเข้ากัน |
| เมื่อกวนจนเป็นเนื้อเดียวกันจากนั้น ให้ใช้ไม้พายยีๆ ตัวไส้ถั่วกวน เพื่อให้ระบายความร้อนได้เร็วขึ้น |
| – ลงมือทำวุ้นลูกชุบ |
| ระหว่างรอไส้ถั่วกวนเย็นลง มาเริ่มทำตัววุ้นลูกชุบ โดยขั้นตอนแรกให้ใส่ผงวุ้นจำนวน 2 ช้อนชา ลงแช่ในน้ำเปล่าประมาณ 10 นาที เพื่อให้วุ้นอิ่มน้ำ |
| หลังต่อจากนั้นให้ตั้งหม้อต้มน้ำ โดยใส่น้ำเปล่าราว 2 ถ้วยตวง ตามด้วยผงวุ้นที่แช่จนอิ่มน้ำจากนั้น และใส่น้ำตาลทรายราว ครึ่ง ถ้วยตวงตามลงไป |
| เคี่ยวจนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันในไฟกลาง ราวๆ 15 นาที และเพื่อไม่ให้วุ้นจับตัวเป็นก้อน แนะนำให้เคี่ยวไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอในทิศทางเดียวกัน จนเป็นน้ำเดือดจึงคนต่ออีกราวๆ 2-3 นาที |
| เช็คว่าผงวุ้นของเราละลายดีหรือไม่ ด้วยการเช็คจากกระบวย หรือทัพพีที่ใช้คนว่าไม่มีผงติดขึ้นมา และเมื่อผงวุ้นละลายดีต่อจากนั้นให้ปิดไฟ พักวุ้นทิ้งไว้ให้เย็นลงราวๆ 5 นาที เพื่อให้วุ้นเซ็ตตัว |
| – ปั้นวุ้นลูกชุบ |
| หลังจากไส้ถั่วกวนเย็นแล้ว ให้นำไส้ถั่วกวนมานวดด้วยมือเพื่อให้ไส้มีเนื้อเนียน และนุ่มขึ้น |
| ใช้สีผสมอาหาร 1 ฝาต่อน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบเข้มอ่อนของสี |
| มาเริ่มปั้นลูกชุบ โดยแบ่งลูกชุบเป็นก้อนๆ สามารถปั้นรูปได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะรูปผัก ผลไม้ สัตว์ หรือรูปอื่นๆ ตามไอเดียได้เลย |
| เมื่อปั้นเสร็จเสียบไม้ปลายแหลม แล้วให้นำไปจุ่มสีผสมอาหาร |
| – ขั้นตอนการทำฐานวุ้น |
| ทผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ ลงในน้ำเปล่าเพื่อให้วุ้นละลาย และอิ่มน้ำ |
| หลังแล้วนำผงวุ้นที่ละลายในน้ำแล้ว เทลงไปในน้ำที่ความร้อนปานกลาง และเคี่ยวจนผงวุ้นละลายให้ดี |
| จากนั้นให้ใส่น้ำตาลทราย ครึ่ง ถ้วย โดยสามารถปรับความหวานได้ตามความชื่นชอบเลย จากนั้นจึงลดความแรงของไฟลง ตามด้วยเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนๆ อีกราว 5 นาที |
| เมื่อวุ้นในหม้อกลายเป็นน้ำใสดีจากนั้น ให้เติมน้ำผลไม้เทตามลงไป และเคี่ยวต่ออีกราวๆ 5 นาที จากนั้นจึงปิดไฟยกลงจากเตา |
| หลังจากนั้นให้นำไปเทใส่พิมพ์ที่เตรียมเอาไว้ แนะนำให้เทแค่ราว ครึ่งพิมพ์ หรือ สามส่วนสี่ ของพิมพ์ เพื่อให้มีพื้นที่ในการใส่ตัวลูกชุบที่ทำก่อนหน้านี้ไว้ด้านบน แล้วจึงปล่อยให้วุ้นเย็นลงและเซ็ตตัว |
| เมื่อเย็นลงจากนั้นให้เทตัวฐานวุ้นลงไปอีกรอบ เพื่อให้เป็นตัวเชื่อมของลูกชุบกับฐานวุ้นให้ติดกัน จากนั้นจึงนำลูกชุบที่ชุบเสร็จเรียบร้อยจากนั้นมาวางด้านบน โดยอาจจะเทน้ำวุ้นเพิ่มขึ้นอีกทับลูกชุบเพื่อความสวยงาม ทานให้อร่อยนะคะ |
อยากรู้สูตรเด็ดเคล็ดลับรสรินทร์ตอนใหม่ๆ อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจรสรินทร์ นะคะ
รับรองว่า คุณจะทำอาหารได้อร่อยจนคนทั้งบ้านชมไม่ขาดปากเลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามเพจ รสรินทร์ Rosalyn นะคะ
Facebook: RosalynTH
ดูสูตรเด็ดอื่นๆ หน้าหลักรสรินทร์[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”1894″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” link=”https://store.line.me/stickershop/product/5353487/en”][/vc_column][/vc_row]
Views: 46,504
