เค้กเรดเวลเวท Red velvet cake สูตรนี้เนื้อฉ่ำหวานละมุน
เค้กเรดเวลเวท (Red velvet cake) แอดรินจะมาชวนทำเมนูเบเกอรี่ นั่นคือเค้กเรดเวลเวท เค้กสีแดงนุ่มๆ มาคู่กับครีมชีส ฟรอสติ้ง หอมๆ ยั่วยวนละมุนใจ เนื้อเค้ก นุ่มฟู ชุ่มฉ่ำ เป็นเค้กสุดเฟอร์เฟ็กต์สำหรับสุดสัปดาห์นี้เลยหละค่ะ อร่อยขั้นเทพ เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก เพื่อนๆสามารถ เปิดสูตรและทำตามได้เลยค่ะ แอดรินรับประกันความพอใจค่ะ ทำแล้วอร่อยมาก
เนื้อเค้กประกอบด้วย 2 ชั้นฉ่ำๆจุกๆ มีครีมชีสฟรอสต์ติ้ง คั่นกลาง และปาดปนหน้าเนื้อเค้กแบบจุกๆ ไม่หวง ประดับประดาด้วยเนื้อเค้กเวลเวท น่ารักๆ รูปหัวใจ เป็นเมนูที่อบอุ่นหัวใจมากเลยค่ะ เกริ่นความน่ากินมาซักพัก ไปลุยกันเลยค่ะ มาทำเค้กเรดเวลเวทกัน แคคิดก็น้ำลายไหลแล้ว มาค่ะ ดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูเค้กเรดเวลเวทกันเลยค่ะ
สูตรเค้กเรดเวลเวท |
ส่วนผสมเค้กเวลเวท |
|
|
แป้งอเนกประสงค์ |
2.5 |
ถ้วย |
ผงโกโก้ |
2 |
ช้อนโต๊ะ |
เบกกิ้งโซดา |
1 |
ช้อนชา |
เกลือ |
1 |
ช้อนชา |
น้ำตาล |
1.5 |
ถ้วย |
บัตเตอร์มิลค์ |
1 |
ถ้วย |
น้ำมันพืช |
1 |
ถ้วย |
น้ำส้มสายชูขาว |
1 |
ช้อนชา |
ไข่ไก่ |
2 |
ฟอง |
เนย |
115 |
กรัม |
สีผสมอาหารสีแดง |
1-2 |
ช้อนชา |
กลิ่นวานิลลา |
2 |
ช้อนชา |
สำหรับครีมชีสฟรอสติ้้ง |
|
|
เฮทวี่ครีม |
1.25 |
ถ้วย |
ครีมชีส |
2 |
ถ้วย |
น้ำตาลไอซิ่ง |
190 |
กรัม |
กลิ่นวานิลลา |
1 |
ช้อนชา |
วิธีทำเค้กเรดเวลเวท |
– วิธีทำเค้กเรดเวลเวท |
วอร์มเตาอบที่ 350F (175C) |
ในอ่างผสม ร่อนแป้ง, ผงโกโก้, เบกกิ้งโซดาและเกลือ ผสมส่วนผสมให้เข้ากันดี และพักไว้ |
ในชามผสมขนาดใหญ่ ตีเนยและน้ำตาลจนเนียน ใส่ไข่ทีละฟอง ตีจนเข้ากันหลังจากเติมแต่ละครั้ง ใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชู กลิ่นวานิลลา บัตเตอร์มิลค์ แล้วตีให้เข้ากัน ค่อยๆใส่ส่วนผสมแห้งและผสมหลังจากการเติมแต่ละครั้งจนเข้ากันดี ใส่สีผสมอาหารแล้วผสม |
เทแป้งลงในถาดอบกลมขนาด 8 นิ้ว (20 ซม.) ที่ทาเนยและโรยด้วยแป้ง |
อบราว 40 – 50 นาที หรือจนกระทั้ง เอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปตรงกลางเค้ก และไม่มีเศษเค้กติดไม้จิ้มฟัน |
พักเค้กไว้ให้เย็น บนตะแกรง ราวๆ 10 นาที เอาออกมาจากถาด หรือพิมพ์ พักไว้ให้เย็น |
– วิธีทำชีสเค้กฟรอสติ้ง |
ในอ่างผสม ตีครีมชีส กับน้ำตาลไปอซิ่ง และกลิ่นวานิลลา ตีจนเนียนและดป็นเนื้อครีม ในชามแยกตีเฮทวี่ครีมให้ตั้งยอดแข็ง แล้วตะล่อมส่วนผสมครีมชีสลงไป |
ตัดด้านบนของเค้ก ตัดรูปหัวใจ 8-12 ชิ้นจากชั้นบนสุดของเค้ก ทำเศษขนมปังจากของเหลือใช้ พักไว้ |
วางเค้กหนึ่งชั้นโดยให้ด้านแบนคว่ำลง ปาดชั้นของฟรอสติ้ง วางเค้กชั้นที่สองไว้บนฟรอสติ้ง หงายด้านเรียบขึ้น เกลี่ยฟรอสติ้งด้านบนและด้านข้างของเค้กให้ทั่ว |
– ขั้นตอนการตกแต่ง |
ตกแต่งเค้กด้วยเค้กรูปหัวใจ ที่จัดเตรียมไว้ |
แช่เย็นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ
|
เคล็ดลับรสรินทร์
- ส่วนประกอบของเค้ก ต้องเตรียมในอุณภูมิห้อง จะดีที่สุด
- หากไม่มีแป้งเค้ก สามารถใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์แทนได้ค่ะ
- หากไม่มีบัตเตอร์มิลค์ สามารถใช้ นม ใส่กับน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา ผสมกันและทิ้งไว้ 10 นาทีแทนได้
ขอขอบคุณข้อมูล – คุณ The cooking foodie จาก youtube
วัตถุดิบเค้กเรดเวลเวท |
แป้งอเนกประสงค์ |
แป้งสาลีอเนกประสงค์ เป็นแป้งสามัญประจำครัวที่มีติดทุกบ้าน ทำจากข้าวสาลี มีโปรตีนปานกลาง 10 ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ แป้งอเนกประสงค์เหมาะสำหรับขนมอบทุกประเภท เช่น ขนมปัง บิสกิต พิซซ่า คุกกี้ มัฟฟิน ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้ในซอสเกรวี่ และเป็นตัวทำให้ซอสข้น |
เบกกิ้งโซดา |
เบกกิ้งโซดา (baking soda) มีชื่อทางเคมีว่า โซเดียมไบคาร์บอเนต (sodium bicarbonate) ใช้เป็นสารที่ทำให้ขึ้นฟู (leavening agent) ในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ (bakery) สลายตัวเมื่อได้รับความร้อนและให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นด่าง ผงสีขาว มีรสเฝื่อน หากใช้มากเกินไปจะเหลือตกค้าง ทำให้เกิดรสเฝื่อน โดยเฉพาะเบเกอรี่ที่ใช้เบกกิ้งโซดาเป็นสารที่ทำให้ขึ้นฟู จึงใส่สารที่เป็นกรด เช่น น้ำมะนาว นมเปรี้ยว น้ำส้มสายชู (vinegar) เพื่อให้ทำปฏิกิริยากับเบกกิ้งโซดาที่เหลือตกค้าง |
น้ำตาล |
น้ำตาลทราย ทำจากอ้อย มีรสหวานแหลม มีทั้งเม็ดละเอียด และเม็ดหยาบ นิยมใช้น้ำตาลทรายขาว เพื่อให้อาหารมีสีสวย ใสไม่ขุ่นมัว โดยสามารถนำมาทำน้ำเชื่อมและใช้ประกอบอาหารได้เช่นกัน |
บัตเตอร์มิลค์ |
บัตเตอร์มิลค์ บัตเตอร์มิลค์เป็นของเหลวที่ได้จาก ตีครีมเพื่อเปลี่ยนเป็นเนย. ง่ายๆแค่นั้นเอง เนื้อสัมผัสคล้ายกับนมพร่องมันเนยและรสชาติของมันมีรสขม ในการทำขนมจะใช้เพราะมันเพิ่มความ ความเป็นฟอง ของมวลชนและให้ รสชาติ เหมาะสำหรับสโคนและคัพเค้ก |
น้ำมันพืช |
น้ำมันพืช น้ำมันพืชส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำมันสัตว์ ไขมันไม่อิ่มตัวนี้จะไม่ค่อยเป็นไข แม้จะอยู่ในที่เย็นเช่น แช่ตู้เย็น แต่จะทำปฏิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย และมักทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนภายหลังจากใช้ประกอบอาหารแล้ว |
เนย |
“เนย” (butter) คือผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันนมไม่น้อยกว่า 80% (ของน้ำหนัก) มีลักษณะเป็นก้อนแข็งเมื่อแช่เย็น และจะเริ่มนิ่มหรืออ่อนตัวลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นค่ะ เนยเกิดจากการเขย่า (churning) ครีมหรือนม เพื่อแยกไขมันออกมาจากนม กระบวนการนี้จะได้ไขมันเนย และบัตเตอร์มิลก์ ซึ่งเจ้าไขมันเนยตัวนี้จะถูกนำไปผ่านกระบวนการในอุณหภูมิต่ำจนแข็งตัวกลายเป็นเนยในแบบที่เราคุ้นเคยกันนั่นเองค่ะ โดยทั่วไปแล้วเนยจะทำจากนมวัว แต่ก็จะมีแบบที่ทำจากนมแพะ นมแกะ นมควาย ฯลฯ ซึ่งก็จะให้รสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันไป |
ครีมชีส |
ครีมชีส คือเนยแข็ง (ชีส) ชนิดหนึ่งที่ทำจากครีม หรือทำจากนมแล้วเติมครีมเข้าไปภายหลัง ครีมชีสจัดเป็นชีสสด หรือ Fresh Cheese ซึ่งจะแตกต่างจากชีสทั่วไปตรงที่ไม่ผ่านการหมักบ่มหรือความร้อนให้มีกลิ่นแรง เนื้อชีสจะไม่แข็ง แต่จะมีความชื้นสูง และเนื้อเนียนนุ่ม เป็นวัตถุดิบที่พบเจออย่างแพร่หลายในวงการเบเกอรี่ เพราะขนมชีสเค้กต่างๆก็ล้วนมีส่วนผสมหลักเป็นครีมชีสทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ว่าจะเอาไว้ทำขนมได้อย่างเดียวค่ะ เพราะจะนำมาทำอาหารคาวก็ได้เหมือนกัน ทั้งซูชิ แซนวิช หรือพาสต้าก็อร่อยไม่แพ้กันเลย ความพิเศษของครีมชีส คือจะมีรสเปรี้ยวอ่อนๆ มีความเค็มเล็กน้อย และมีความหอมของนม |
ประวัติเค้กเรดเวลเวท
เค้ก Red Velvet สมัยก่อนโน้นๆๆ จะใช้ venegar หรือน้ำส้มสายชูมาทำปฏิกิริยากับโกโก้ ซึ่งในโกโก้จะมีสารที่เรียกว่า ‘แอนโธไซยานิน’ (Anthocyanin) อยู่ เจ้าสารตัวนี้แหละครับ ที่มีสีแดงสดๆ (มันคือตัวการทำให้ราสพ์เบอรี หรือกะหล่ำปลีสีแดง มีสีแดงสดๆ)
ทีนี้เค้ก Red Velvet สมัยก่อน เขาจะใช้ Vinegar หรือไม่ก็ Buttermilk (หรือทั้งสองอย่าง) ซึ่งจะมีความเป็นกรดสูง ก็เลยทำให้แอนโธไซยานินเปล่งประกายความแดงออกมาได้ดี แล้วความเป็นกรดที่ไปทำปฏิกิริยากับ Baking Soda ก็จะทำให้ได้ฟองก๊าซดันขึ้นมา เนื้อเค้กเลยมีรูพรุนละเอียดๆ ผลก็คือได้เค้กแบบ Red Velvet จริงๆขึ้นมา
แต่ Red Velvet สมัยนี้ ทำแบบเดิมไม่ได้กันแล้ว เพราะว่ากรรมวิธีผลิตโกโก้ยุคใหม่ เขาใช้วิธีอัลคาไลน์ เพื่อทำให้โกโก้ไม่เป็นกรด จะได้มีสีน้ำตาลเข้มล้ำลึก ดู ‘แพง’ ผลลัพธ์ก็คือ เราทำเค้ก Red Velvet แบบเดิมไม่ได้ พวกเชฟในยุคหลังๆ (คือตั้งแต่ราวๆยุคสามศูนย์เป็นต้นมา) ก็เลยหันมาใส่ Beet Juice แทน แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ยุคนี้คนก็ใส่สีผสมอาหารกันลงไปเพื่อให้มันแดง
เค้ก Red Velvet สมัยก่อนโน้นๆๆ จะใช้ venegar หรือน้ำส้มสายชูมาทำปฏิกิริยากับโกโก้ ซึ่งในโกโก้จะมีสารที่เรียกว่า ‘แอนโธไซยานิน’ (Anthocyanin) อยู่ เจ้าสารตัวนี้แหละครับ ที่มีสีแดงสดๆ (มันคือตัวการทำให้ราสพ์เบอรี หรือกะหล่ำปลีสีแดง มีสีแดงสดๆ)
ทีนี้เค้ก Red Velvet สมัยก่อน เขาจะใช้ Vinegar หรือไม่ก็ Buttermilk (หรือทั้งสองอย่าง) ซึ่งจะมีความเป็นกรดสูง ก็เลยทำให้แอนโธไซยานินเปล่งประกายความแดงออกมาได้ดี แล้วความเป็นกรดที่ไปทำปฏิกิริยากับ Baking Soda ก็จะทำให้ได้ฟองก๊าซดันขึ้นมา เนื้อเค้กเลยมีรูพรุนละเอียดๆ ผลก็คือได้เค้กแบบ Red Velvet จริงๆขึ้นมา
แต่ Red Velvet สมัยนี้ ทำแบบเดิมไม่ได้กันแล้ว เพราะว่ากรรมวิธีผลิตโกโก้ยุคใหม่ เขาใช้วิธีอัลคาไลน์ เพื่อทำให้โกโก้ไม่เป็นกรด จะได้มีสีน้ำตาลเข้มล้ำลึก ดู ‘แพง’ ผลลัพธ์ก็คือ เราทำเค้ก Red Velvet แบบเดิมไม่ได้ พวกเชฟในยุคหลังๆ (คือตั้งแต่ราวๆยุคสามศูนย์เป็นต้นมา) ก็เลยหันมาใส่ Beet Juice แทน แต่ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ยุคนี้คนก็ใส่สีผสมอาหารกันลงไปเพื่อให้มันแดง
อยากรู้สูตรเด็ดเคล็ดลับรสรินทร์ตอนใหม่ๆ อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจรสรินทร์ นะคะ
รับรองว่า คุณจะทำอาหารได้อร่อยจนคนทั้งบ้านชมไม่ขาดปากเลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามเพจ รสรินทร์ Rosalyn นะคะ
Facebook: RosalynTH
ดูสูตรเด็ดอื่นๆ หน้าหลักรสรินทร์[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”1894″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” link=”https://store.line.me/stickershop/product/5353487/en”][/vc_column][/vc_row]
Views: 14,424