ข้าวแช่สูตรโบราณ ตำรับชาววังแท้ๆ สดชื่นดับกระหายคลายร้อน
ข้าวแช่สูตรโบราณ (A Royal Thai Summer Dish) วันนี้แอดรินจะชวนมาทำอาหารไทย นั่นคือข้าวแช่ ข้าวหอมมะลิ ขัดอย่างดี ทานกับน้ำลอยดอกมะลิ ทานกับเข้ากันกับเครื่องเคียงต่างๆ จะสอนทำทั้งหมดเลยค่ะ กินกับอะไรก็อร่อยเข้ากั๊นเข้ากัน รับรองหากใครได้ชิม ต้องยกนิ้วให้ วิธีทำและกรรมวิธี เพื่อนๆสามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายๆ แอดรินรับประกันความอร่อยค่ะ รับรองอร่อยสุดๆ
สดชื่นดับกระหายคลายร้อน ในช่วงที่อากาศร้อนสุดๆ แบบนี้แล้ว ข้าวแช่ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ดูจากที่มีผักเครื่องเคียงรวมทั้งสมุนไพรจำนวน มากไว้ให้ทานด้วย ไม่พูดพร่ำฮัมเพลง ไปลองทำกันเลยค่ะ มาทำข้าวแช่กัน ของอร่อยอย่างนี้ต้องห้ามพลาด มาค่ะ ดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูข้าวแช่กันเลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูล – คุณ หทัย เชื้อสงฆ์ จาก อาหารไทยโบราณ
ประวัติข้าวแช่สูตรโบราณ
“ข้าวแช่” เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากชาวมอญ ในภาษามอญจะเรียกว่า “เปิงด้าจก์” (“เปิง” แปลว่า ข้าว และ “ด้าจก์” แปลว่า น้ำ นั่นเอง)
โดยชาวมอญในสมัยก่อนจะทำข้าวแช่เพื่อไว้ใช้สักการะบูชาเทพเจ้าในช่วง สงกรานต์ตามความเชื่อที่มีมา และนิยมทำสำหรับถวายพระและเลี้ยงแขกในงานบุญต่างๆ สมัยก่อนช่วงต้นรัตนโกสินทร์นั้น ทั้งสงครามและการ แต่งงานข้ามเมือง ทำให้คนไทยได้รับวัฒนธรรมของชาวมอญเข้ามาไม่น้อย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือข้าวแช่นี่เอง
ในสมัยนั้นข้าวแช่ถือเป็นอาหารของชนชั้นสูง เรียกว่าเป็นอาหารในรั้วในวังก็ว่าได้ มีบันทึกเอาไว้ว่ารัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ก็ทรงโปรดอาหารชนิดนี้เป็น
พิเศษเลยทีเดียว ในรั้ววังจะเรียกข้าวแช่ว่า “ข้าวเสวย” หรือ “ข้าวแช่เสวย” ซึ่งหมายถึงข้าวแช่ที่ปรุงขึ้นเพื่อให้พระมหากษัตริย์เสวยนั่นเอง ชาวบ้านธรรมดาเองก็ ไม่มีโอกาสที่จะได้ทานอาหารชนิดนี้กัน แต่ต่อๆ มาก็มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมการ ทานข้าวแช่ให้คนพื้นบ้านได้รู้จักและมีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ
กรรมวิธีการทำข้าวแช่สูตรโบราณ
เนื่องจากเป็นอาหารชั้นสูง ทานกันในรั้ววังเป็นหลัก ข้าวแช่จึงมีกรรมวิธีการทำที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน โดยเริ่มจากการที่ต้องนำข้าวสารอย่างดีไปล้างน้ำเปล่าหลายๆ ครั้งให้สะอาด และเพื่อล้างยางข้าวออกให้หมด จากนั้นนำไปต้มแต่ยังไม่ ต้องสุกทั้งหมด ให้มีลักษณะใสๆ เหมือนตากบก็พอ จากนั้นนำไปล้างน้ำและสะเด็ด น้ำให้พอหมาดๆ แล้วนำไปนึ่งให้สุก สุกแล้วนำมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำ หาภาชนะใส่ และใส่ดอกไม้ ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะใช้ดอกมะลิ รวมถึงอบควันเทียนกลิ่นดอกไม้ที่ใช้ด้วย จากนั้นปิดภาชนะ ทิ้งไว้ข้ามคืนให้กลิ่นติดข้าว ก็จะได้ตัวข้าวที่มีความสะอาด มี กลิ่นหอมอ่อนๆ เย็นๆ ของดอกไม้
สำหรับตัวน้ำก็จะใช้น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ใส่ดอกไม้ลงไปลอย ตามด้วยอบควันเทียนกลิ่นดอกไม้ชนิดเดียวกัน และทิ้งไว้ข้ามคืนเช่นกัน เมื่อได้ทั้งข้าวและน้ำแล้วก็ นำน้ำมาเทใส่ข้าว ใส่น้ำแข็งลงไปเล็กน้อย ก็จะได้ “ข้าวแช่” กลิ่นหอมอ่อนๆ เย็นชื่นใจเอาไว้ทานกันแล้ว ดอกไม้ที่นำมาใช้ในการลอยในนานและอบกลิ่นกับตัวข้าว อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่าโดยทั่วไปก็จะนิยมใช้ดอกมะลิ เนื่องจากมีกลิ่นที่หอมเย็นๆ เข้ากับอาหารเย็นๆ อย่างข้าวแช่ แต่บางสูตรก็อาจจะใช้ดอกไม้แตกต่างกันไปบ้าง เช่น ข้าวแช่เมืองเพชร ก็จะนิยมใช้ดอกชมนาด หรือบางพื้นที่ก็อาจจะเลือกใช้ดอก กระดังงาก็ได้ตามแต่ที่สะดวก
เครื่องเคียงข้าวแช่โบราณ
นอกจากตัวข้าวแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับข้าวแช่ก็คือเครื่องเคียงที่จะไว้ใช้ทานกับข้าวแช่ ซึ่งเครื่องเคียงที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยก็คือ “ลูกกะปิ” ซึ่งเป็นตัวชู รสได้ดีทีเดียว สำหรับเครื่องเคียงอื่นๆ ก็อาจจะแตกต่างกันไปตามที่ละที่ แต่หลักๆ ก็จะมี “หมูฝอย” “ไชโป๊วผัดไข่” “หอมแดงยัดไส้ปลาแดดเดียวชุบแป้งทอด” “ไก่ บดผสมปลาอินทรีย์เค็มนึ่ง” และ “พริกหยวกยัดไส้ไก่ห่อหลุ่ม” นอกจากของคาวเหล่านี้แล้วก็จะมีผักเครื่องเคียงไว้ทานคู่กันอีกด้วย เช่น มะม่วงดิบ แครอท แตงกวา ดอกกระชาย ต้นหอม พริกชี้ฟ้า ผักปลัง และมันแกว เป็นต้น ซึ่งก็จะนิยม แกะสลักและจัดมาอย่างสวยงาม สมกับเป็นอาหารชาววัง คนไทยเองก็นิยมทานข้าวแช่กันในช่วงสงกรานต์เช่นเดียวกับชาวมอญ เนื่องจากเดือนเมษายนเป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด จึงนิยมทานอะไรเย็นๆ ดับ
กระหายคลายร้อน ซึ่งจริงๆ เมื่อก่อนที่ยังไม่มีตู้เย็นไม่มีน้ำแข็งนั้น คนโบราณเองก็ จะใช้โอ่งดินมารองน้ำฝนเอามาทำข้าวแช่ เพราะน้ำฝนจะมีความเย็นในตัวมันเอง อยู่แล้ว หรือไม่ก็เติมพิมเสนเข้าไปเล็กน้อยเพื่อให้น้ำมีความเย็นขึ้นมาก็ได้ ด้วยความที่เป็นอาหารชั้นสูง วิธีการทานข้าวแช่กับเครื่องเคียงนั้น จะตัก เครื่องเคียงมาใส่ในชามข้าวแช่แล้วตักทานเอาๆ เหมือนกับทานข้าวต้มถือว่าผิด หลักและเปรียบเป็นการดูถูกผู้ปรุงข้าวแช่เลยด้วยซ้ำ วิธีทานข้าวแช่ที่ถูกต้องเริ่ม จากทานเครื่องเคียง ซึ่งโดยมากจะนิยมลูกกะปิเป็นชิ้นแรกก่อน พอเคี้ยวไปสักนิด
ให้ได้ลิ้มรสชาติความเข้มข้นของลูกกะปิแล้ว ค่อยตักข้าวแช่ขึ้นทานตาม และตบ ท้ายด้วยการซดน้ำข้าวแช่สักเล็กน้อยเพื่อความเย็นสดชื่น รสชาติความเข้มข้นของ เครื่องเคียงจะผสมผสามกับความเย็นของข้าวแช่ ทำให้รสชาติในปากจะนุ่มนวลกลมกล่อมมากยิ่งขึ้นนั่นเอง พอจะทานคำต่อไปก็ทำเช่นเดียวกัน นอกจากจะสดชื่น ดับกระหายคลายร้อนในช่วงที่อากาศร้อนสุดๆ แบบนี้แล้ว ข้าวแช่ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ดูจากที่มีผักเครื่องเคียงรวมทั้งสมุนไพรจำนวน มากไว้ให้ทานด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ถึงสองต่อเลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูล – คุณ หทัย เชื้อสงฆ์ จาก อาหารไทยโบราณ
อยากรู้สูตรเด็ดเคล็ดลับรสรินทร์ตอนใหม่ๆ อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจรสรินทร์ นะคะ
รับรองว่า คุณจะทำอาหารได้อร่อยจนคนทั้งบ้านชมไม่ขาดปากเลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามเพจ รสรินทร์ Rosalyn นะคะ
Facebook: RosalynTH
ดูสูตรเด็ดอื่นๆ หน้าหลักรสรินทร์[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”1894″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” link=”https://store.line.me/stickershop/product/5353487/en”][/vc_column][/vc_row]