ไข่พะโล้ Kai Palo เมนูดีอร่อยฟินเวอร์เครื่องแน่นสูตรโบราณ
ไข่พะโล้ (Kai Palo) แอดรสรินทร์จะนำเสนอเมนูอาหารไทย นั่นคือไข่พะโล้ อร่อยขั้นเทพ เมนูอาหารไทยสุดคลาสสิกที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชื่นชอบ ไข่ต้ม และหมูสามชั้น เคี่ยวในน้ำพะโล้หอมกรุ่น เห็นแสงสายรุ้งออกจากปาก ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก ความอร่อยระดับ 5 ดาวค่ะสูตรนี้เอาไปเลย พูดไปแล้วท้องก็ร้อง ไปลุยกันเลยค่ะ มาทำไข่พะโล้กัน ไปลองทำกันเลยค่ะ ของอร่อยอดใจไม่ไหวแล้ว มาค่ะ ดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูไข่พะโล้กันเลยค่ะ
สูตรไข่พะโล้ |
ส่วนเครื่องเทศ |
|
|
อบเชย |
2 |
แท่ง |
กานพลู |
8 |
ชิ้น |
โป๊ยกั๊ก |
2 |
ชิ้น |
เมล็ดผักชี |
1 |
ช้อนชา |
พริกไทยเสฉวน |
1/2 |
ช้อนชา |
รากผักชี |
3 |
ราก |
ต้นผักชี |
10 |
ต้น |
ผ้าขาวบางผืนใหญ่พอจะทำถุงใส่เครื่องเทศ(หรือใช้ถุงแบบสำเร็จรูป) |
|
|
ส่วนประกอบไข่พะโล้ |
|
|
หมูสามชั้น |
200 |
กรัม |
เกลือ |
1 |
ช้อนชา |
น้ำตาลปี๊บ |
60 |
กรัม |
น้ำสต๊อกหมูหรือไก่ |
5 |
ถ้วย |
ซีอิ๊วขาว |
2 |
ช้อนโต๊ะ |
ซอสภูเขาทอง |
1 |
ช้อนโต๊ะ |
ซอสหอยนางรม |
1 |
ช้อนโต๊ะ |
ซีอิ๊วดำหรือซีอิ๊วดำ |
2 |
ช้อนชา |
พริกไทยขาวป่น |
1/2 |
ช้อนชา |
กระเทียม |
4 |
กลีบ |
ไข่ไก่ต้ม |
6 |
ฟอง |
เต้าหู้ |
8 |
ชิ้น |
ข้าวหอมมะลิ(สำหรับเสิร์ฟ) |
|
|
วิธีทำไข่พะโล้ |
1. ทุบซินนามอนแท่งจนแตกเป็นชิ้นเล็กๆ หลังจากนั้นใส่ลงในกระทะผัดแห้ง พร้อมด้วยโป๊ยกั๊ก กานพลู เมล็ดผักชี และพริกไทยเสฉวน |
2. ปิ้งบนไฟแรงปานกลาง คนตลอดเวลาจนเมล็ดผักชีเริ่มเข้มขึ้นเล็กน้อย นำออกจากเตาจากนั้นวางบนผ้าขาวบางหรือถุงเครื่องเทศ |
3. ใส่ต้นผักชีหรือรากผักชี จากนั้นมัดผ้าขาวบางเพื่อทำเป็นถุงเครื่องเทศพะโล้ |
– วิธีการทำแบบดั้งเดิม |
1. ขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มรสชาติ หากมีเวลา: ในหม้อก้นหนา เติมน้ำมันเล็กน้อยเพื่อเคลือบก้นหม้อ แล้วตั้งไฟให้ร้อน ใส้หมูสามชั้นลงในเกลือ แล้วเคี่ยวจนเป็นสีน้ำตาลอย่างน้อยสองด้าน ยกลงและพักไว้ เทไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในหม้อออก แต่อย่าล้างหม้อ |
2. ใส่น้ำตาลปี๊บในหม้อเดียวกันและละลายบนไฟร้อนปานกลาง เมื่อละลายจากนั้น ให้คนต่อไปจนกลายเป็นสีคาราเมลเข้ม เพิ่มสต็อกทันทีเพื่อหยุดการปรุงอาหาร น้ำตาลจะแข็งตัวก็ไม่เป็นไร |
3. ใส่ซีอิ๊วขาว ซอสภูเขาทอง ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วดำ/ซีอิ๊วดำ พริกไทยขาว กระเทียม และถุงเครื่องเทศ หากไม่ลวกหมู ให้ใส่เกลือ ½ ช้อนชาในขั้นตอนนี้ |
ใส่หมูและเคี่ยวเบา ๆ ประมาณ 2 – 2.5 ชั่วโมง จนหมูนุ่ม |
4. ในขณะเดียวกัน ต้มไข่ในน้ำเดือดจัดๆ 8 นาที เสร็จหลังจากนั้นใส่ชามน้ำเย็นให้เย็น ปอกเปลือกไข่ |
5. เมื่อหมูสุกแล้ว ให้ใส่ไข่และเต้าหู้ลงไป เคี่ยวต่ออีก 8 นาที ชิมและปรุงรสตามชอบ |
6. ปล่อยให้สตูว์พักไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนเสิร์ฟ และควรทำล่วงหน้าหนึ่งวันเพื่อให้ไข่มีโอกาสดูดซับรสชาติอันเข้มข้นของน้ำพะโล้ |
7. เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ |
– วิธีทำโดยใช้หม้อแรงดัน |
หมายเหตุ: คุณสามารถทำสิ่งทั้งหมดในหม้อแรงดันได้ ถ้าใช้หม้อแรงดัน สำหรับกระบวนการทั้งหมด ให้ทำส่วนแรกในโหมดตุ๋น |
1. ขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มรสชาติ หากมีเวลา: ในหม้อก้นหนา เติมน้ำมันนิดหน่อยเพื่อเคลือบก้นหม้อ แล้วตั้งไฟให้ร้อน ใส้หมูสามชั้นลงในเกลือ แล้วเคี่ยวจนกระทั่งสีน้ำตาลอย่างน้อยสองด้าน ยกลงและพักไว้ เทไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในหม้อออก แต่อย่าล้างหม้อ |
2. ใส่น้ำตาลปี๊บในหม้อเดียวกันและละลายบนไฟร้อนปานกลาง เมื่อละลายจากนั้น ให้คนต่อไปจนกลายเป็นสีคาราเมลเข้ม เพิ่มสต็อก1/2หนึ่งทันทีเพื่อหยุดการปรุงอาหาร น้ำตาลจะแข็งตัวก็ไม่เป็นไร |
3. ใส่ซีอิ๊วขาว ซอสภูเขาทอง ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วดำ/ซีอิ๊วดำ พริกไทยขาว กระเทียม และถุงเครื่องเทศ ถ้าคุณไม่ลวกหมู ให้ใส่เกลือ ½ ช้อนชาในขั้นตอนนี้ นำไปต้มจากนั้นโอนไปยังหม้อแรงดัน |
4. ใส่หมูลงในหม้อแรงดัน และน้ำสต๊อกที่เหลือ แล้วปรุงในโหมด “ปรุงด้วยแรงดัน” ที่ “สูง” เป็นเวลา 20 นาที ปล่อยให้มันปล่อยตามธรรมชาติอย่างน้อย 15 นาทีก่อนที่จะปล่อยแรงดันที่เหลือ คุณสามารถวางผ้าเย็นเปียกบนส่วนโลหะของฝาเพื่อช่วยเร่งกระบวนการทำความเย็น |
5. ในขณะเดียวกัน ต้มไข่ในน้ำเดือดจัดๆ 8 นาที ปอกและพักในชามน้ำเย็น |
6. เมื่อหมูสุกแล้วให้เปิดฝาหม้อแรงดัน แล้วใส่ไข่และเต้าหู้ เปิดหม้อแรงดัน ในโหมด “ตุ๋น” เป็นไฟ “ปานกลาง” แล้วเคี่ยวไข่และเต้าหู้อีก 8 นาที (เริ่มจับเวลาตั้งแต่เมื่อซุปเริ่มเป็นฟอง) |
7. นำหม้อชั้นในออกจากหม้อแรงดัน ชิมรสและปรับรสตามต้องการ และปล่อยให้สตูว์พักไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนเสิร์ฟ ถอดหม้อชั้นในออกเพราะฉันพบว่าเมื่อฉันปล่อยให้ซุปนั่งอยู่ในหม้อแรงดัน แม้ว่าเครื่องจะปิดการกักเก็บความร้อนก็สูงเกินไปและไข่ก็ยังคงสุกมากเกินไป |
8. เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ ทานให้อร่อยนะคะ |
เคล็ดลับรสรินทร์
- ผัดสามเกลอให้เหลืองหอมกำลังพอดี อย่าผัดไหม้เกินไปเพราะจะทำให้จะพะโล้มีรสชาติขม
- เคี่ยวน้ำตาลให้ได้สีเข้มที่สุด แต่ถ้าเคี่ยวมากเกินไปน้ำตาลจะไหม้และขมได้ การเคี่ยวน้ำตาล จะได้น้ำพะโล้ที่รสชาติเข้มข้นและอร่อยยิ่งขึ้น
- ถ้าไม่ทานเนื้อหมูสามารถใส่เนื้อสัตว์อื่นแทนได้ แนะนำว่าให้ใส่เนื้อส่วนที่ติดมันเวลาตุ่นจะทำให้น้ำซุปยิ่งอร่อยขึ้น และเนื้อสัตว์ไม่กระด้าง หรือถ้าไม่ทานเนื้อสัตว์ ก็สามารถใส่เต้าหู้แทนได้
ประวัติไข่พะโล้
พะโล้ เป็นการปรุงอาหารแบบจีนที่แพร่หลายไปทั่วประเทศจีน และได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยด้วย พะโล้ในภาษาไทยเป็นคำยืมจากภาษาจีนฮกเกี้ยน ผะโล่ว/ผะโล้ว (拍滷)คือขั้นตอนหนึ่งในการทำเนื้อพะโล้ ซึ่งเป็นการเคี่ยวน้ำตาลทรายแดงให้ละลายในกระทะ ใส่เกลือ ซีอิ๊ว เนื้อสัตว์หรือเครื่องปรุงอื่นๆลงไป เคล้าให้ทั่ว พอสีสวยใส่เครื่องเทศ ใส่น้ำ แล้วเคี่ยวจนสุก ถ้าเป็นเป็ดหรือห่านจะเพิ่มตะไคร้และข่าด้วยเพื่อดับกลิ่นสาบ ลวกด้วยน้ำพะโล้ให้สีสวยแล้วจึงนำลงต้มในน้ำพะโล้ต่อ คำว่าโล่วในภาษาจีนแต้จิ๋วตรงกับหลู่ในภาษาจีนกลางซึ่งหมายถึงน้ำแกงสีเข้ม ใส่เครื่องเทศ เกลือ ซีอิ๊ว ใช้ปรุงเนื้อสัตว์ให้มีสีออกน้ำตาลอมแดง
ขอขอบคุณข้อมูล – คุณ hot-thai-kitchen.com จาก
hot-thai-kitchen.com
วัตถุดิบไข่พะโล้ |
อบเชย |
อบเชย อบเชยมีสรรพคุณทางยา เนื่องจากมีแทนนินสูงที่ให้รสฝาดจึงนิยมใช้ในยาตำรับแผนโบราณเช่น เป็นส่วนผสมในยาหอมต่าง ๆ โดยใช้ส่วนของเปลือกลำต้น ใช้ในการแก้จุกเสียด แน่นท้อง หรือใช้ในการทำยานัตถุ์ใช้สูดดม เพื่อเพิ่มความสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย แก้โรคท้องร่วงเพราะมีส่วนช่วยต้านแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ ช่วยในการย่อยอาหาร และสลายไขมัน ส่วนเปลือกลำต้นอายุมากกว่า 6 ปี หรือใบกิ่งยังนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยได้อีกด้วย ซึ่งจะมีมากในอบเชยญวนที่ให้น้ำมันหอมระเหย 2.5% |
น้ำตาลปี๊บ |
น้ำตาลมะพร้าว ได้จากจั่นมะพร้าว มีลักษณะเหลว มีสีเหลืองอมน้ำตาล มีกลิ่นหอม รสหวานนุ่ม น้ำตาลมะพร้าวที่ทำเป็นก้อนเรียกว่า น้ำตาลปึก ถ้าทำน้ำตาลใส่ปี๊บเรียกว่าน้ำตาลปี๊บ หากใช้ไม่หมดให้เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท |
กระเทียม |
กระเทียม หัวของกระเทียมเป็นทั้งเครื่องเทศ (spice) และสมุนไพร (herb) ที่มีสารประกอบที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบในปริมาณมาก ทำให้กระเทียมมีกลิ่นรสเฉพาะตัว ใช้ปรุงอาหาร (cooking) หลายชนิด ทั้ง ต้ม ผัด น้ำพริกแกง ทอด และยังใช้เป็นวัตถุดิบนำมาแปรรูป (food processing) เพื่อการถนอมอาหารและเพิ่มมูลค่า เป็นผลิตภัณฑ์หลายชนิด กระเทียมมีกรดแอมิโน อาร์จินีน (arginine) oligosaccharides, flavonoid, and selenium ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ กระเทียม ใช้ในการปรุงอาหาร (cooking) หลายชนิด ทั้งการผัด การทอด การต้ม การตุ๋น เป็นส่วนประกอบของอาหาร เช่น น้ำพริกแกงชนิดต่างๆ เช่น น้ำพริกแกงแดง น้ำพริกแกงเขียวหวาน น้ำพริกแกงแพนง น้ำยาขนมจีน น้ำพริกกะปิ |
อยากรู้สูตรเด็ดเคล็ดลับรสรินทร์ตอนใหม่ๆ อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจรสรินทร์ นะคะ
รับรองว่า คุณจะทำอาหารได้อร่อยจนคนทั้งบ้านชมไม่ขาดปากเลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามเพจ รสรินทร์ Rosalyn นะคะ
Facebook: RosalynTH
ดูสูตรเด็ดอื่นๆ หน้าหลักรสรินทร์[vc_row][vc_column][vc_single_image image=”1894″ img_size=”full” alignment=”center” onclick=”custom_link” link=”https://store.line.me/stickershop/product/5353487/en”][/vc_column][/vc_row]
Views: 11,593