กาแฟช่วยลดอาการปวดหัวและไมเกรนได้หรือไม่
ปวดหัวบ่อยจนทนไม่ไหว ลองดื่มกาแฟสักแก้วอาจช่วยได้นะ
ใครที่เคยปวดหัวหรือเป็นไมเกรนบ่อยๆ คงรู้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน บางทีจนทำอะไรไม่ไหว ต้องนอนมืดฟ้ามัวดินไปทั้งวัน แต่รู้ไหมว่าเพื่อนซี้อย่าง “กาแฟ” ที่เพื่อนๆดื่มทุกเช้าอาจเป็นตัวช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ แล้วกาแฟช่วยได้จริงหรือ มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลย
วิทยาศาสตร์เบื้องหลังกาแฟกับอาการปวดหัว
1. คาเฟอีน ฮีโร่ตัวจิ๋วในแก้วกาแฟ
คาเฟอีนในกาแฟคือสารสำคัญที่ออกฤทธิ์โดย
– กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดการขยายตัวของหลอดเลือดที่มักเป็นสาเหตุของไมเกรน
– เสริมฤทธิ์ยาแก้ปวด หลายยาแก้ปวดมีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ เพราะช่วยให้ยาออกฤทธิ์เร็วขึ้น 30-40%
– บล็อก adenosine สารที่ทำให้หลอดเลือดขยายและกระตุ้นการปวดหัว
2. งานวิจัยที่น่าสนใจ
• มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (2019) ผู้ป่วยไมเกรนที่ดื่มกาแฟ 1-2 แก้ว/วัน มีอาการปวดลดลง 58%
• European Journal of Neurology คาเฟอีน 200 mg (เท่ากับกาแฟ 2 แก้ว) ช่วยลดความรุนแรงของไมเกรนได้ใน 1 ชม.
3. ข้อควรระวัง ดื่มยังไงไม่ให้ส่งผลเสีย
• ปริมาณเหมาะสม ไม่เกิน 400 mg คาเฟอีน/วัน (ประมาณ 3-4 แก้ว)
• เวลาดื่ม ควรดื่มตอนมีอาการเริ่มต้น จะได้ผลดีกว่าป้องกัน
• อาการดื้อคาเฟอีน หากดื่มมากเกินไปต่อเนื่อง อาจทำให้ปวดหัวมากขึ้นเมื่อหยุดดื่ม
ทำไมเพื่อนๆควรลองวิธีนี้ด่วนๆ
เพราะนอกจากจะ “ง่าย สะดวก และประหยัด” แล้วยัง
✓ ได้ผลเร็วภายใน 30 นาที – 2 ชม.
✓ ลดการใช้ยาแก้ปวดที่อาจมีผลข้างเคียง
✓ ได้ประโยชน์อื่นๆ จากกาแฟ เช่น กระตุ้นสมอง ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์
เริ่มต้นง่ายๆ แค่หยิบแก้วมาเตรียมเลย
ลองทำตามนี้ดูนะ
1. ตอนรู้สึกปวดหัวเริ่มมา ให้ชงกาแฟสักแก้ว (ไม่ต้องเข้มมาก)
2. จิบช้าๆ ในที่สงบ พร้อมหายใจลึกๆ
3. วัดผลหลัง 1 ชม. ถ้าได้ผลก็เก็บเป็นเทคนิคประจำตัวเลย
แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง อย่ารอช้า รีบไปพบแพทย์ด่วนนะ เพื่อนๆ คนไหนมีประสบการณ์ใช้กาแฟแก้ปวดหัวมาแชร์กันได้เลยที่คอมเมนต์ด้านล่าง
แล้วพบกันใหม่ในบทความสุขภาพดีๆ แบบนี้อีกนะ รักษาสุขภาพด้วยล่ะ
อยากรู้สูตรเด็ดเคล็ดลับรสรินทร์ ตอนใหม่ๆ อย่าลืมกดไลค์ แฟนเพจรสรินทร์ นะคะ ขอบคุณที่ติดตามเพจ รสรินทร์ Rosalyn นะคะ
⚠️
Disclaimer
ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อประกอบการตัดสินใจ ทางเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ กรุณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจตามข้อมูลที่ได้รับ
ArticleID: 1003